เมื่อพูดถึง เบอร์เกอร์ เราอาจได้ความเห็นที่แตกต่างกันไปจากทั่วสารทิศ บ้างก็มองว่าเป็นอาหารขยะที่ขอไม่ข้องเกี่ยว บ้างอาจมองว่าเป็นฟาสต์ฟู้ดไว้กินยามเร่งรีบ บ้างขอกินนานๆ ที แต่สำหรับเรา ตั้งแต่ที่ได้พบเจอกับ Cast Iron Burgerhaus เราได้จดชื่อที่นี่เข้าลิสต์ร้านเบอร์เกอร์ที่ต้องโดนในวันที่โหยหารสชาติความอร่อยแบบพรีเมียม และจะไม่ขอกินในวันเร่งรีบ เพราะอยากค่อยๆ ละเลียดรสชาติความอร่อยนี้ไปนานๆ
The Vibe
นั่งบีทีเอสลงสถานีอารีย์แล้วเดินต่ออีกไม่กี่นาทีก็ถึง ตัวร้านตกแต่งสไตล์ Industrial Loft ที่ให้ความรู้สึกดิบเท่ แต่ก็มีความแคชวล ไม่อึดอัด ที่มาที่ไปของร้านเบอร์เกอร์แห่งนี้เกิดจากสองเพื่อนสนิท ลภัส อัครพันธุ์ และ พันธกิจ สดุดีวงศ์ ที่มีแพสชันในการกินเนื้อและเบอร์เกอร์ตรงกัน เรียกว่ากินเป็นประจำก็ว่าได้
The Taste
คอนเซปต์เบอร์เกอร์ของร้านเป็นสไตล์อเมริกันที่ชิ้นใหญ่ หนา และมีการย่างแบบสเต๊กด้วยความสุกมีเดียมเพื่อเก็บความฉ่ำของเนื้อให้มากที่สุด ในขณะที่ซอสแต่ละตัวของเบอร์เกอร์แต่ละเมนูก็จะมีการคิดค้นอย่างพิถีพิถันไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังมีเมนูกินเล่นอื่นๆ ที่น่าลองเต็มไปหมด
ไม่พูดพร่ำขอเริ่มกันที่ Bacon Cheese Burger (275 บาท) ที่ความหนาของชิ้นเบคอนชวนให้นึกถึงไม้หน้าสาม ซ้อนอยู่กับชิ้นเนื้อแผ่นหนาโปะเชดดาร์ชีสเยิ้มๆ ราดด้วยซอส Balsamic Ketchup สูตรทางร้าน ซึ่งให้มิติรสชาติที่แตกต่างและหอมกว่าเบอร์เกอร์ซอส Ketchup เพียวๆ ทั่วไป และท็อปด้านบนสุดด้วยแตงกวาดอง
ใครที่ปกติชอบเขี่ยแตงกวาดองทิ้ง ขอให้ช้าก่อน อยากให้เปิดใจลองชิมของที่นี่ เพราะรสชาติของทางร้านทำให้คนที่ชอบเขี่ยแตงกวาดองทิ้งอย่างเรากินจนหมด เรียกว่าดองได้พอดี กลมกล่อม ไม่เปรี้ยวโดดจนเกินไป นอกจากนี้ยังเสิร์ฟมาพร้อมกับ Skin-on Wedges ให้กินเพลินๆ อีกด้วย
ถ้าเบอร์เกอร์ชิ้นเมื่อครู่ยังใหญ่สะใจไม่พอ ขอแนะนำให้สั่ง Triple Smashburger (325 บาท) และต้องขอนั่งยันนอนยันว่า ชิ้นนี้คือสวรรค์ของคนรักเนื้อโดยแท้! เนื้อแต่ละชิ้นถูกกดให้แบนนาบไปกับกระทะจนมีความกรอบเกรียมเล็กๆ แล้วนำมาซ้อนทับกันสามชิ้น เลเยอร์ด้วยเชดดาร์ชีสฉ่ำๆ แตงกวาดอง และซอส Thousand Island ที่กินด้วยกันทั้งคำสามชั้นแล้วต้องร้อง “หืมมม…” อร่อยลงตัวไปหมด เป็นคำที่รสชาติเข้มข้นไปหมด ต้องติดดาวจริงๆ
ต่อกันด้วยเนื้ออีกสักจานกับ Beef Tongue (290 บาท) อีกเมนูเด็ดที่ร้านนำเสนอเป็นพิเศษด้วยลิ้นวัวที่นำไปซูวีด์ 36 ชั่วโมง จนนุ่มพร้อมละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมกับ Onion-Jalapeno Salsa หากใครรู้สึกว่าจืดแนะนำให้จิ้มกับซอส Salsa Picante ได้ความเผ็ดจัดจ้านขึ้นมาทันที
ถ้าไถฟีดอินสตาแกรมของร้านเชื่อว่าจะต้องสะดุดตากับ Hot Honey Chicken Waffle (345 บาท) จานนี้แน่นอน แล้วรสชาติก็ไม่ผิดหวัง ตัวไก่ทอดเป็นสไตล์ Nashville ที่ติดรสเผ็ดหน่อยๆ ท็อปด้วยเชดดาร์ชีสและคริสปี้เบคอน ด้านล่างมีเซเลอรีดอง ประกบด้วยโฮมเมดวาฟเฟิล จุดเด่นที่ทำให้รสชาติจานนี้ตราตรึงคือซอส Chili-infused Honey หวานๆ ราดฉ่ำๆ เข้ากันได้ดีกับรสเผ็ดของไก่ หากแวะไปที่ร้านแล้วเห็นเมนูนี้ แนะนำให้สั่งเพราะจานนี้มีเฉพาะบางช่วงเท่านั้น
เปลี่ยนมู้ดมารายการของกินเล่นกันบ้าง เริ่มจากจานที่กลิ่นหอมของทรัฟเฟิลโชยเตะจมูกตั้งแต่ยังเสิร์ฟไม่ถึงโต๊ะอย่าง Truffle Parmesan Fries (220 บาท) เฟรนช์ฟรายส์ที่คลุกเคล้ากับทรัฟเฟิลออยล์โรยด้วยพาร์เมซานชีสแบบไม่งก จิ้มกินกับซอส Aioli ยิ่งเพลิน
ถ้าคุณเป็นสายกินเผ็ด แนะนำให้สั่ง Nachos Supreme (240 บาท) ที่อัดแน่นแบบจุกๆ ด้วยหมูฉีก เชดดาร์ชีสที่แหวกไปมุมไหนก็เจอ พริกฮาลาเปญโญดองรสจัดจ้าน ราดด้วยซอส Salsa Spicy Sour Cream จนแทบจะปิดนาโชส์มิด แบบยกให้เป็นอีกจานติดดาวที่ควรสั่ง
มาร้านเบอร์เกอร์แล้วถ้าจะให้ครบสูตรก็ต้องสั่งมิลก์เชกมาดื่มด้วย ให้ลบภาพมิลก์เชกที่หวานตัดขาไปได้ เพราะของที่นี่ไม่มีการเติมไซรัปหรือแต่งกลิ่นใดๆ Salted Caramel Milkshake (180 บาท) จะออกนุ่มละมุน หอมกลิ่นคาราเมลสุดๆ ส่วน Double Dark Chocolate Milkshake (180 บาท) ชวนให้นึกถึงช็อกโกแลตมูสที่รสชาตินุ่มละมุนเช่นกัน
Good for
ถ้าคุณเป็นสายเบอร์เกอร์โดยเฉพาะเนื้อแบบพรีเมียม Cast Iron Burgerhaus คือร้านที่ต้องมา หากใครไม่กินเนื้อทางร้านก็มีหมูเหมือนกัน นอกจากเมนูหลักที่เป็นเบอร์เกอร์แล้ว ที่ร้านก็ยังมีของกินเล่นที่หลากหลายและอร่อยไม่แพ้กัน แนะนำให้มากับเพื่อนหลายๆ คนแล้วแชร์กัน เพราะพอร์ชันของที่นี่ค่อนข้างใหญ่เลยละ
Open: เปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ 11.00-15.00 น. / 17.00-23.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 11.00-23.00 น.
Address: Noble Reform Phahon Yothin 7 (BTS Ari)
Instagram: https://www.instagram.com/castironburgerhaus/
Facebook: https://www.facebook.com/castironburgerhaus
Tel: 06 2920 0300
Budget: เริ่มต้นที่ 140 บาท
Map: