จากกระแสตอบรับที่ดีอย่างล้นหลามตลอดมาของ ‘Son of Saigon’ ร้านอาหารเวียดนามย่านสุขุมวิท โดย Shaun Pham (ฌอน แฟม) เชฟ-เจ้าของร้านชาวไซ่ง่อนที่ต้องการเสิร์ฟรสชาติตำรับเวียดนามขนานแท้เหมือนได้ไปกินถึงถิ่น สู่การปักหลักสาขาใหม่ที่คอมมูนิตี้สเปซสำหรับสายสุขภาพอย่าง Slowcombo นี่น่าจะเป็นข่าวดีที่ทำให้ชาวสามย่านและละแวกใกล้เคียงที่รักในความอร่อยสไตล์เวียดนามยิ้มออก ไม่ต้องเดินทางไกลหรือกดสั่งเดลิเวอรีด้วยค่าส่งหฤโหดอีกต่อไป
The Vibe
เพียงก้าวเข้า Slowcombo ก็เจอกับตัวร้านที่ตั้งอยู่ร้านแรกทางขวามือ ด้วยคอนเซปต์ของความเป็นคอมมูนิตี้สเปซที่เน้นให้ผู้คนสั่งจากหลายๆ ร้านแล้วไปนั่งกินแชร์กันบริเวณส่วนกลาง ร้าน Son of Saigon สาขานี้จึงเป็นขนาดย่อส่วน แต่ยังคงเน้นการตกแต่งสไตล์วินเทจสีสันสดใส
The Taste
ใครที่ยังใหม่สำหรับอาหารเวียดนามหรือไม่รู้จะสั่งอะไร เราแนะนำให้ตามรอยเมนูที่สั่งมาในวันนี้ทั้งหมดได้เลย เพราะนี่คือเมนูที่ฌอนคัดสรรให้โดยเฉพาะ เริ่มกันที่อาหารกินเล่นอย่าง Summer Rolls เปาะเปี๊ยะสด (140 บาท) และ ปากหม้อหมูสับ (220 บาท)
แค่มองด้วยตาเปล่าก็เห็นแล้วว่าเปาะเปี๊ยะยัดไส้หมู กุ้ง และผักมาแบบเน้นๆ พอจิ้มกินกับซอสถั่วลิสงตรงกลางถึงกับต้องอุทานด้วยความอร่อย ตัวซอสมีความหวานมัน หอมกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของถั่วลิสง เข้ากันได้ดีกับรสชาติความสดของเปาะเปี๊ยะ
ในส่วนของปากหม้อนั้น เพียงหั่นแป้งออกก็เจอกับไส้หมูสับและเห็ดหอมแน่นๆ พรั่งพรูออกมา ตัวแป้งให้สัมผัสที่เหนียวนุ่ม กินกับหมูยอและกระเทียมเจียว รสชาติเค็มกลมกล่อมอร่อยแบบไม่ต้องปรุง แต่ถ้าใครอยากให้มีรสชาติยิ่งขึ้นจะกินกับน้ำจิ้มรสเปรี้ยวหวานที่เสิร์ฟมาด้วยก็ได้
ต่อกันด้วยบั๋นหมี่ หรือ แซนด์วิชเวียดนามหมูย่าง (260 บาท) ที่หากกินคนเดียวก็คืออิ่มท้องเลยละ ด้วยขนมปังบาแกตต์ชิ้นโตยัดไส้หมูย่างแน่นๆ เสริมทัพด้วยตับไก่บด ผักดอง แตงกวา ต้นหอม ผักชี ราดด้วยซอสมายองเนส
พอได้ลองชิมหมูย่างก็บอกได้เลยว่า “นี่แหละ คือรสชาติหมูย่างเวียดนามของจริง!” หมูย่างมีความเข้มข้นจากเครื่องเทศที่หมักนานถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งเข้ากันได้ดีกับรสชาติเปรี้ยวหวานของผักดอง เหมาะจะเป็นทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวัน เมื่อเจอกับความแน่นจัดเต็มของแซนด์วิชแล้ว เราแนะนำให้สั่งเครื่องดื่มของทางร้านมาดื่มคู่ด้วย หากใครเป็นสายกาแฟเราแนะนำให้ลอง Iced Drip Coffee (130 บาท) ซึ่งเป็นกาแฟชะมดเวียดนามแท้ๆ รับรองว่าจะได้สัมผัสอโรมาที่ไม่เหมือนที่ไหนจริงๆ
หากไม่ใช่คอกาแฟ ที่ร้านก็มี Lotus Tea (100 บาท) ชาดอกบัวหอมๆ ไม่หวาน และ Salted Plum (120 บาท) บ๊วยโซดาที่ให้ความสดชื่นเป็นอย่างดี
มาถึงร้านอาหารเวียดนามทั้งที หากไม่ได้กินเฝอก็เหมือนมาไม่ถึง เริ่มกันที่ เฝอไก่ (250 บาท) ที่จัดเต็มกับเส้นเฝอนุ่มๆ และไก่ฉีก ตัวน้ำซุปจะมีความหวานนำเค็ม ซึ่งต่างกับเฝอเนื้อ (270 บาท) ที่เค็มนำ แต่ยังให้ความกลมกล่อมไม่โดด เนื้อที่เสิร์ฟมาด้วยจะมีทั้งบริสเก็ตและลูกชิ้นเนื้อ
อีกจานเมนูเส้นที่เรายกให้เป็นจานติดดาวของที่นี่คือ ยำขนมจีนไก่ย่าง (260 บาท) ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเป็นเมนูขายดีของที่นี่ ตัวเส้นขนมจีน (ที่ถูกปิดมิดด้วยไก่และเครื่องเน้นๆ) ไก่ย่างสูตรเวียดนาม ผักดอง และน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานสูตรของทางร้าน ทุกองค์ประกอบในชามคือเข้ากันไปหมด ถือเป็นคอมฟอร์ตฟู้ดที่กินง่าย และคงจะนึกถึงทุกครั้งที่แวะมา
หากใครที่อยากเน้นเป็นเมนูข้าว ที่นี่ก็มีจานแนะนำอย่าง ข้าวหักไก่ย่าง (260 THB) ที่ใช้ชื่อว่าข้าวหัก (Cơm Tấm) นั้นก็เพราะข้าวนั้นหักสมชื่อระหว่างกระบวนการผลิต ซึ่งถือเป็นอาหารยอดนิยมของชาวไซ่ง่อนอีกด้วย นอกจากไก่ย่างและผักแล้วจะสังเกตเห็นก้อนสีเหลืองที่มองผิวเผินแล้วอาจคิดว่าเป็นเค้กกล้วยหอม แต่ความจริงแล้วมันคือไข่เป็ดตุ๋นหมูสับผสมกับเห็ดหูหนูและวุ้นเส้น ถือเป็นไข่ตุ๋นสูตรเวียดนามที่อร่อยไปอีกแบบ
Good for
ใครที่ชื่นชอบอาหารเวียดนามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และอยากได้รสชาติต้นตำรับต้องลองแวะมาที่ Son of Saigon ดูสักครั้ง หรือถ้าใครที่อยากมองหาอาหารเพื่อสุขภาพกินแบบเบาๆ ไม่หนักท้องจนเกินไป ที่นี่ก็ถือว่าตอบโจทย์ แนะนำให้มากันหลายๆ คน เพราะเชื่อว่าหน้าตาอาหารที่นี่จะทำให้คุณสั่งมากกว่าหนึ่งอย่างแน่นอน
Son of Saigon
Open: ปิดทุกวันจันทร์, เปิดเวลา 10.00-20.00 น.
Address: Slowcombo, 126 Chulalongkorn Soi 50
Instagram: https://www.instagram.com/sonofsaigonbkk/
Budget: เริ่มต้นที่ 140 บาท
Map:
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์
