มูลค่าหุ้นของ Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน ปรับตัวร่วงลงหนักเกือบ 10% หลังจากที่ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla ออกมาส่งสัญญาณชัดเจนว่า บริษัทจะเดินหน้าหั่นราคารถยนต์ไฟฟ้าต่อไปในปีนี้ เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว และเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด
รายงานระบุว่า ราคาหุ้นที่ร่วงลงยังมีขึ้นหลังจากที่ Tesla เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดย Tesla เปิดเผยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ในไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 19.3% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 22.4% และถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2020
ขณะที่รายได้สุทธิอยู่ที่ 2.51 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 24% เมื่อเทียบรายปี และกำไรสุทธิตามมาตรฐานบัญชีทั่วไป (GAAP) อยู่ที่ 73 เซนต์ต่อหุ้น ลดลง 23% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สิ้นสุดการรอคอย! Tesla เตรียมส่งมอบ Cybertruck ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ หลังจากเปิดตัวมานานกว่า 3 ปี
- ‘Tesla’ ประกาศลดราคารถยนต์ไฟฟ้าอีกรอบ หวังกระตุ้นยอดขาย รักษารายได้ หลังไตรมาส 1 กำไรลดลง 24%
- Tesla ปั่นป่วนภายใน? พนักงานในจีนโพสต์ทวงโบนัสจากซีอีโออย่าง ‘อีลอน มัสก์’ อีกทั้งยังงดร่วมงานเซี่ยงไฮ้ออโต้โชว์ 2023
ราคาหุ้น Tesla ร่วงลงเกือบ 4% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวานนี้ (20 เมษายน) หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ก่อนที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปิดตลาดลดลงต่ำเกือบ 10% หลังมัสก์ประกาศยึดมั่นนโยบายหั่นราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla เพื่อกระตุ้นยอดขาย
ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน Tesla เพิ่งจะประกาศราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model Y และ Model 3 ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 6 แล้วในปีนี้ อีกทั้งมัสก์ยังได้แสดงจุดยืน ยืนยันหนักแน่นว่า Tesla จะเดินหน้าปรับลดราคาต่อ เพื่อทำให้ยอดขายเติบโตก่อนกำไรในภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์ระบุว่า บรรดานักลงทุนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า นโยบายหั่นราคาของมัสก์จะเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจนถึงขณะนี้ Tesla เผชิญกับการสูญเสียมูลค่าหุ้นในตลาดแล้วกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านล้านบาท อีกทั้งความกลัวในเรื่องสงครามราคาที่ทวีความรุนแรงขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อหุ้นของ General Motors, Volkswagen AG และผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ด้วย
โดยเมื่อวานนี้ (20 เมษายน) มูลค่าตลาดของ Tesla อยู่ที่ 5.17 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าตลาดของ Meta Platforms เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021 Emmanuel Rosner นักวิเคราะห์จาก Deutsche ระบุว่า ช่องว่างของ Tesla ในการลดราคาขายรถ EV ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการลดส่วนต่างที่แพงกว่าเท่านั้น Tesla เหมือนจะมีแนวความคิดพร้อมที่จะมอบฮาร์ดแวร์ของตนในระยะเวลาอันใกล้ โดยหวังว่าจะสร้างรายได้จากซอฟต์แวร์ในอนาคตอันไกล
ทั้งนี้ Tesla เปิดฉากสงครามราคารถ EV เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หวังรักษาตำแหน่งแชมป์ในตลาดสหรัฐฯ และเดินหน้ารุกตลาดจีน ตลาดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของ Tesla
ข้อมูลจาก Refinitiv เปิดเผยว่า มีนักวิเคราะห์อย่างน้อย 15 คนลดราคาเป้าหมายของหุ้น Tesla จาก 210 ดอลลาร์ลงมาเป็น 200 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าระดับปัจจุบันของหุ้นประมาณ 23%
หุ้น Tesla ที่ร่วงลงยังฉุดให้หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ค่ายอื่นๆ ร่วงตามไปด้วย โดยหุ้นของ Ford Motor Co และ General Motors ลดลงไปประมาณ 3% ส่วนหุ้นของ Lucid Group ร่วงลงไปประมาณ 7% หุ้นของ Renault SA ลดลง 8% และหุ้นของ Volkswagen ค่ายรถสัญชาติเยอรมนีลดลง 3.1%
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในตลาดของ Tesla นับตั้งแต่ต้นปียังคงปรับตัวขึ้น 32% ซึ่งดีกว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของดัชนี S&P 500 ซึ่งอยู่ที่ 8%
ภาพ: Christian Marquardt-Pool / Getty Images
อ้างอิง: