ใครเคยตั้งอกตั้งใจอ่านฉลากไวน์อย่างจริงจังเพื่อเลือกซื้อ หรือเลือกไวน์ที่คนเสิร์ฟอุตส่าห์เอนขวดให้อ่านก่อนเสิร์ฟบ้าง? เพราะนอกจากจะดูประเทศผลิต ชนิดของไวน์ว่าเป็นไวน์แดง ขาว โรเซ หรือแชมเปญเบื้องต้นแล้ว เจ้ากระดาษที่แปะบนขวดยังบอกอะไรได้อีก ไปหาคำตอบกัน
เชื่อเถอะว่าทันทีที่คุณรู้หลักเบื้องต้น ชีวิตวันไวน์ของคุณจะง่ายขึ้น แถมน้ำไวน์ที่กำลังดื่มจะอร่อย มี ‘อะไร’ ขึ้นอีก
ไวน์บางชนิดแยกประเภทไว้ด้วยชนิดองุ่น
เมื่อคุณเห็นฉลากไวน์ที่ระบุไปด้วยคำที่บ่งบอกถึงพันธุ์องุ่น อาทิ คาเบอร์เน็ต ซาวิญง (Cabernet Sauvingon) หรือมอสกาโต (Moscato) ไปจนอัลบาริโน (Albarino) นั่นบ่งบอกว่าไวน์ขวดนั้นจำแนกโดยใช้ชนิดขององุ่น ซึ่งเราบอกได้เลยว่ามีสายพันธุ์องุ่นที่นำมาทำไวน์เป็นร้อยๆ พันๆ ชนิด นอกจากนั้นยังเป็นไปได้ที่จะระบุถึงพันธุ์องุ่นนอกเหนือจาก 1 ชนิดอีกด้วย
ทำความรู้จักพันธุ์องุ่น เพื่อเลือกรสไวน์ให้เหมาะกับคุณได้ที่นี่
ฉลากที่หลากหลายบอกอะไรได้บ้าง
เราควรรู้ว่าในแต่ละประเทศนั้นมีข้อกำหนดในฉลากไวน์แตกต่างกันออกไป และไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เขียนเอาไว้จะการันตีว่าคุณกำลังดื่มองุ่นชนิดนั้นๆ 100 เปอร์เซ็นต์ เสียเมื่อไร เพราะแต่ละประเทศมีการกำหนดให้ต้องมีปริมาณองุ่นชนิดที่ระบุบนฉลากในน้ำไวน์ไม่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกากำหนดไว้ที่ 75 เปอร์เซ็นต์ (ยกเว้นในรัฐออเรกอนที่อยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์), อาร์เจนตินา 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อิตาลี, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ออสเตรีย, โปรตุเกส, แอฟริกาใต้ และสหราชอาณาจักร ตั้งเกณฑ์ไว้ที่ 85 เปอร์เซ็นต์
อ่านเรื่องหรือไวน์ที่คุณกำลังดื่มเป็นน้ำผลไม้กันแน่ได้ที่นี่
ไวน์บางชนิดใช้แหล่งที่มาเป็นตัวระบุ
หรือที่เรียกว่า ‘Vin de Terroir’ นั่นเอง ไวน์บอร์กโดซ์ (Bordeaux), ชาบลีส์ (Chablis), คิอานติ (Chianti), ซองแซร์ (Sancerre) และริโอฮา (Rioja) นั้นจะถูกจำแนกโดยแหล่งผลิต ซึ่งนี่เป็นวิธีการจำแนกไวน์แบบไวน์โลกเก่า ซึ่งหมายถึงประเทศอย่างฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน และโปรตุเกส ทั้งนี้การแปะฉลากไวน์ที่เน้นระดับภูมิภาคนั้นว่ากันว่าน่าจะมาจากช่วงเวลาที่พันธุ์องุ่นที่หลากหลายโตขึ้นมาพร้อมๆ กันในไร่ไวน์เดียวกัน แล้วถูกนำมาผสมรวมในการผลิตไวน์นั่นเอง
เก่าแล้วไง ใหม่แล้วไง? ทำความเข้าใจเรื่อง ‘ไวน์โลกเก่า’ และ ‘ไวน์โลกใหม่’ ได้ที่นี่
แล้วการแบ่งว่าโตที่ไหนบอกอะไรได้
การจำแนกแหล่งที่ผลิตของไวน์ หรือไร่ไวน์ที่ปลูกองุ่นนั้นสามารถบอกได้ว่าใช้องุ่นพันธุ์ใด และจริงอยู่ที่การจะทราบว่ามีอะไรอยู่ในไวน์ขึ้นชื่อจากถิ่นนั้นๆ อาจไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจเป็นเรื่องที่กูรูไวน์รู้กัน และคุณต้องทำการรีเสิร์ชเสียหน่อย แต่นั่นคือความสนุกของการศึกษาเรื่องไวน์ที่เปิดโลกให้คุณได้ทำการศึกษาเสมออย่างไรล่ะ!
ทั้งนี้เราพอยกตัวอย่างมาบ้าง เช่น สมมติว่าคุณเห็นข้างขวดแปะหราตัวใหญ่ไว้ว่า ชาบลีส์ (Chablis) ซึ่งมาจากฝรั่งเศส นั่นบอกได้ว่าไวน์ที่อยู่ภายในเป็นไวน์ขาว ชาร์ดอนเนย์ (Chadonnay) หรือถ้าเขียนไว้ว่า คิอานตี (Chianti) ที่มาจากอิตาลี สามารถบอกได้ว่าที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องสายพันธุ์ซานจิโอเวเซ (Sangiovese) ซึ่งเป็นองุ่นแดง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘The Blood of Jupiter’ หรือเลือดของเทพเจ้าจูปิเตอร์ทีเดียวเชียว
นอกจากนั้นแหล่งที่มาของไวน์ต่างๆ ยังสามารถบอกอะไรได้อีกเพียบ โดยสามารถอ่านเรื่อง อุ่นหรือเย็นเกี่ยวอะไรกับความอร่อย? ว่าด้วยเรื่องอากาศกับรสของไวน์ได้ที่นี่
ไวน์บางชนิดจำแนกด้วยชื่อ
ส่วนอย่างสุดท้ายที่มักระบุบนฉลากที่เราพบได้บ่อยคือการใช้ชื่อที่แต่งขึ้นมาให้ฟังดูน่าสนใจขึ้นมา ซึ่งมักมาจากมันสมองของคนผลิตไวน์ที่ผสมขึ้นมาเองนั่นเอง ดังนั้นคุณอาจพบไวน์ที่จริงๆ ทางการไม่ได้อนุญาตให้ใช้พันธุ์องุ่นนั้นๆ ตามกฎของการผลิตไวน์โดยแบ่งตามภูมิภาค แต่ก็ยังมีการซุกซนผลิตไวน์จนได้ อาทิ ไวน์ทัสกันที่ทำจากองุ่นสายพันธุ์ฝรั่งเศสอย่างเมอร์โลต์ (Merlot) ชีราซ (Shiraz) ตลอดจนคาเบอร์เนต (Cabernet) ซึ่งอยู่นอกข้อกำหนด หากจะเรียกไวน์นั้นว่าเป็นไวน์ที่มาจากอิตาลี
ไวน์ที่ตั้งชื่อขึ้นมาเองบอกอะไรได้บ้าง
ไวน์ที่ตั้งขึ้นมาเองนอกเหนือข้อกำหนดเบื้องต้นของการทำไวน์แต่ละพื้นที่นั้นมักเกิดจากการผสมสายพันธุ์องุ่นเองลงไปในไวน์ ซึ่งหากสงสัยว่าฉลากนั้นๆ ที่ชวนฉงนหรือไม่เคยได้ยินมาก่อนคือไวน์ชนิดไหน จะขาว แดง หรือโรเซ หรือคืออะไรกันแน่ เราสามารถหาคำตอบได้ผ่านทางเว็บไซต์ของผู้ผลิต
หากคุณไม่รู้จะเริ่มดื่มไวน์อย่างไร แนะให้ศึกษาวิธีดื่มไวน์ 101 กับ 4 วิธีดื่มไวน์ฉบับมือใหม่หัดจิบที่เข้าใจง่ายที่สุดได้ที่นี่เลย
ภาพประกอบ: Pichamon Wannasan