เกมฟุตบอลโลก 2022 ในรอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่ม E ที่สนามอัล บายต์ สเตเดียม เป็นเกมระหว่างคอสตาริกาที่มี 3 คะแนน จาก 2 นัด ในเสื้อสีแดง พบกับเยอรมนีที่มีเพียงคะแนนเดียว จาก 2 นัด เสื้อสีขาว-ดำ โดยเกมนี้เป็นเกมแรกในประวัติศาสตร์ที่ใช้ผู้ตัดสินในสนามเป็นผู้หญิงทั้งหมดด้วย โดยผู้ตัดสินชี้ขาดในสนามคือ สเตฟานี แฟรบพาร์ต จากฝรั่งเศส
โดยเกมนี้ คอสตาริกามาในระบบ 3-4-3 โดยมี เคย์ลอร์ นาบาส เป็นผู้รักษาประตู กองหลัง 3 คนมี ออสการ์ ดูอาร์เต, เคนดัลล์ วัสตัน, ฆวน ปาโบล วาร์กาส กองกลาง 4 คนใช้ คีร์เชียร์ ฟูลเลอร์, เซลโซ บอร์เกส, เยลต์ซิน เทเยดา, ไบรอัน โอเบียโด้ กองหน้า 3 ประสานมี แบรนดอน อากีเลรา, โจเอล แคมป์เบลล์, โยฮัน วาเนกัส
ขณะที่เยอรมนีมาในระบบ 4-2-3-1 โดยที่ มานูเอล นอยเออร์ เป็นผู้รักษาประตู กองหลัง 4 คนมี โจชัว คิมมิช, นิคลาส ซูเล, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, เดวิด รอม กลางรับ 2 คนใช้ อิลคาย กุนโดกัน กับ ลีออน กอเร็ตซ์กา แนวรุก 3 ประสานมี แซร์จ กนาบรี้, จามาล มูเซียลา, เลรอย ซาเน โดยยังส่ง โธมัส มุลเลอร์ เป็นหัวหอก
เริ่มเกมได้ 2 นาที เยอรมนีได้โอกาสลุ้นก่อน จากการยิงนอกกรอบเขตโทษของจามาล มูเซียลา ได้เคย์ลอร์ นาบาส ล้มตัวปัดบอลออกไปได้
นาทีที่ 5 เยอรมนียังได้โอกาสอย่างต่อเนื่อง เมื่อจามาล มูเซียลา ไหลบอลให้เลรอย ซาเน ได้หลุดไปยิง แต่บอลไม่ตรงกรอบ และจังหวะหลุดของซาเนก็เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน
นาทีที่ 8 เยอรมนีมาได้โอกาสที่ใกล้เคียงมาก จากจังหวะที่โจชัว คิมมิช เปิดบอลจากกาบขวาเข้ามาในกรอบเขตโทษให้โธมัส มุลเลอร์ ทิ้งตัวโหม่ง แต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบและออกหลังไป
นาทีที่ 10 ‘อินทรีเหล็ก’ ออกนำก่อนจนได้ เมื่อเดวิด รอม เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษให้แซร์จ กนาบรี้ ได้โหม่งเน้นๆ บอลหนีมือเคย์ลอร์ นาบาส เข้าเสาสองไป ทำให้เยอรมนีนำก่อน 1-0
นาทีที่ 14 เยอรมนีได้ลุ้นต่อเนื่องจากลูกเปิดของโจชัว คิมมิช เปิดบอลเข้าไปถึงศีรษะของลีออน กอเร็ตซ์กา ได้โหม่ง บอลยังติดเซฟเคย์ลอร์ นาบาส อีกครั้ง
นาทีที่ 35 เยอรมนีได้ลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะการยิงไกลของโจชัว คิมมิช บอลพุ่งแรงจนเคย์ลอร์ นาบาส รับบอลกระฉอก แต่ก็ตามมาตะปบเอาไว้ได้ในจังหวะที่ 2
นาทีที่ 36 เยอรมนีมาพลาดการได้ลูกที่ 2 เมื่อจามาล มูเซียลา พาบอลไปในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะได้โอกาสยิง แต่บอลก็ยังหลุดกรอบไปอีกครั้ง
นาทีที่ 39 ยังเป็นโอกาสของเยอรมนีอีกครั้ง เมื่อแซร์จ กนาบรี้ ได้ลองปั่นบอลด้วยเท้าขวาในกรอบเขตโทษ แต่บอลโค้งไม่พอ และหลุดออกหลังไป
นาทีที่ 42 คอสตาริกามาพลาดโอกาสทองในการตีเสมอ เมื่อ 2 แนวรับของทีมพลาดพร้อมกันในจังหวะบอลตก เปิดโอกาสให้คีย์เชียร์ ฟูลเลอร์ ได้หลุดเดี่ยวไปดวลกับมานูเอล นอยเออร์ ตัดจังหวะสุดท้ายบอลที่ฟูลเลอร์ยิงโดน นอยเออร์ปัดบอลออกหลังไปได้
นาทีที่ 44 แนวรับเยอรมนียังพลาดอย่างต่อเนื่อง เมื่อคอสตาริกาได้เปิดบอลเข้ามาจากกาบซ้าย แต่นิคลาส ซูเล เตะบอลพลาด บอลไปเข้าทางโยฮัน วาเนกัส แต่ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากไม่ทันตั้งตัว ทำให้บอลเปลี่ยนทางไปเข้ามือนอยเออร์รับไว้ได้
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เลรอย ซาเน พาบอลขึ้นมา ก่อนสับไกยิง แต่บอลก็ยังหลุดกรอบออกหลังไป ทำให้จบครึ่งแรก เยอรมนีออกนำคอสตาริกาเพียง 1-0
ครึ่งหลัง นาที 52 คอสตาริกาได้ลุ้นก่อน จากการยิงนอกกรอบของออสการ์ ดูอาร์เต แต่บอลยังเบาเกินกว่าจะผ่านมือของมานูเอล นอยเออร์
นาทีที่ 55 เยอรมนีได้โอกาสลุ้นอีกครั้งจากการยิงไกลของเลรอย ซาเน แต่บอลก็หลุดกรอบออกไปอีกครั้ง
นาทีที่ 59 กลายเป็นคอสตาริกาที่กลับมาตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะที่เคนดัลล์ วัสตัน โหม่งไปติดเซฟของมานูเอล นอยเออร์ แต่เยลต์ซิน เทเยดา วิ่งมาซ้ำเป็นประตูให้ทีม ‘กล้วยหอม’ 1-1
นาทีที่ 61 เยอรมนีได้โอกาสในการขึ้นนำอีกครั้งจากจามาล มูเซียลา ยิงไปชนเสาไกลกระดอนออกมา พอจะซ้ำ บอลก็เหินข้ามคานออกไป
นาทีต่อมา โอกาสยังเป็นของเยอรมนีจากการยิงของโธมัส มุลเลอร์ แต่บอลก็ติดแฉลบแนวรับของคอสตาริกาออกหลังไป
จากจังหวะต่อเนื่องในลูกเตะมุม บอลโดนเคลียร์ออกมาในจังหวะแรก ก่อนที่โจชัว คิมมิช จะผ่านบอลเข้ากลางอีกครั้งไปถึงอันโตนิโอ รูดิเกอร์ ได้ชาร์จจ่อๆ แต่บอลก็หลุดกรอบออกไป
นาทีที่ 67 เยอรมนีเกือบได้ประตูขึ้นนำอึกครั้งจากการยิงแถวเส้นเขตโทษของจามาล มูเซียลา แต่บอลก็ยังไปชนเสาอีกครั้ง
นาทีที่ 70 สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว เมื่อคอสตาริกามาได้ประตูแซงนำ 2-1 จากจังหวะฟรีคิกเปิดไป ก่อนที่จะมีการโหม่งหนุนมาในจังหวะแรก แต่มานูเอล นอยเออร์ ออกมาตัดบอลไม่ดี ก่อนที่โยฮัน วาเนกัส จะโดนบอลคนสุดท้ายเข้าไป
นาทีที่ 73 เยอรมนีมาตีเสมออย่างรวดเร็วจากการจ่ายบอลของ นิคลาส ฟูลล์ครูก ให้ ไค ฮาเวิร์ตซ์ หลุดไปยกบอลผ่านตัวเคย์ลอร์ นาบาส เข้าไป ให้เกมกลับมาเสมอกันที่ 2-2
นาทีที่ 76 เยอรมนีน่าจะได้ประตูแซงนำจากจังหวะโต้กลับ ก่อนที่เลรอย ซาเน จะใส่พานให้นิคลาส ฟูลล์ครูก ได้ยิงจ่อๆ แต่บอลไปหาเคย์ลอร์ นาบาส เซฟไว้ด้วยหน้าอย่างน่าเหลือเชื่อ
นาทีที่ 80 คอสตาริกาได้ลุ้นบ้าง จากการขึ้นเกมมา ก่อนที่ เจวิสัน เบนเนตต์ จะลองส่องไกล แต่บอลก็เหินข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 83 เยอรมนีสร้างโอกาสได้อีกครั้ง จากการลากบอลเข้าเขตโทษ ก่อนได้ยิงของจามาล มูเซียลา แต่บอลข้ามคานไป
นาทีที่ 85 เยอรมนีแซงนำจนได้ เมื่อแซร์จ กนาบรี้ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษให้ไค ฮาเวิร์ตซ์ ได้ยิงจ่อๆ เป็นประตูให้ ‘อินทรีเหล็ก’ แซงนำ 3-2
นาทีที่ 89 เยอรมนีมาส่งบอลเข้าก้นตาข่ายได้อีกครั้ง เมื่อเลรอย ซาเน สอดขึ้นมารับลูกเปิดจากอีกฟากสนาม ก่อนผ่านบอลให้นิคลาส ฟูลล์ครูก แท็ปอินเข้าไปง่ายๆ ในจังหวะแรกผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงให้ซาเนล้ำหน้าในจังหวะแรก แต่ VAR กลับคำตัดสินให้เยอรมนีได้ประตู ทำให้เยอรมนีหนีห่างเป็น 4-2
นาทีที่ 90+6 เยอรมนีมาได้ลุ้นประตูที่ 5 เมื่อไค ฮาเวิร์ตซ์ ยกบอลให้นิคลาส ฟูลล์ครูก ได้โหม่ง แต่บอลไปตกบนหลังคาตาข่ายเท่านั้น
เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมเยอรมนีทุบคอสตาริกาแบบสุดมัน 4-2 เก็บเพิ่มอีก 3 คะแนน เป็น 4 คะแนนเท่ากับสเปน แต่ประตูได้เสียเป็นรอง จบอันดับที่ 3 ของกลุ่ม E ส่วนคอสตาริกามี 3 คะแนนเท่าเดิม จบบ๊วยกลุ่มนี้ไป
