JMART ประกาศเข้าลงทุนใน บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ จำนวน 3.53 แสนหุ้น หรือ 30% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด รวมมูลค่าลงทุนรวมไม่เกิน 1,200 ล้านบาท หวังต่อยอดสู่พันธมิตรใหม่และผนึกกำลังที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ
บมจ.เจ มาร์ท หรือ JMART รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 10/2565 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ได้มีมติอนุมัติให้เข้าลงทุน และลงนามสัญญาในการเข้าลงทุน (Share Purchase Agreement: SPA และ Share Subscription Agreement: SSA) และสัญญาผู้ถือหุ้น (Shareholder Agreement: SHA) ในการเข้าลงทุนใน บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ จำนวน 352,941 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด มูลค่าลงทุนรวมไม่เกิน 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะดำเนินธุรกรรมการลงทุนให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2565
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘สุกี้ตี๋น้อย’ เล็งเข้า ‘ตลาดหลักทรัพย์’ ภายใน 3 ปี พร้อมปักเป้าขยายให้ครบ 60 สาขา และรายได้ 3,000 ล้านบาท
- สุกี้ตี๋น้อย-ไมเนอร์ ฟู้ด ประสานเสียง ‘ต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูง’ กดดันทำให้ต้องปรับราคาขายเพิ่ม
- ‘เจ้าของสุกี้ตี๋น้อย’ ยืนยัน ‘ไม่ขายกิจการ’ มีเพียงการเจรจาเพื่อหาความร่วมมือเท่านั้น ส่วนปีนี้เตรียมเปิดอีก 4 สาขา
บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารประเภทสุกี้ ภายใต้แบรนด์ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ ปัจจุบันมีสาขา 42 สาขาในประเทศ โดยมีแผนธุรกิจในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทในฐานะที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี จะช่วยให้พันธมิตรทางการค้า BNN มีการเติบโตในด้านผลการดำเนินงานให้ได้ตามเป้าหมาย การขยายสาขาไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงแผนการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนครั้งนี้ JMART เล็งเห็นว่าธุรกิจร้านอาหารของ BNN เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และมีโอกาสในการเติบโตสูงภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน จึงมีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ภายหลังจากการเข้าทำธุรกรรม การเข้าซื้อหุ้นใน BNN จะทำให้บริษัทได้มาซึ่งพันธมิตรทางธุรกิจ และก่อให้เกิดการผนึกกำลังที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ
โดยการร่วมมือกับ BNN ขยายธุรกิจเพิ่มเติมจากการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อช่องทางของบริษัท และการนำเอาเทคโนโลยีที่บริษัทมี เช่น เทคโนโลยีทางด้าน CRM และโปรโมชันต่างๆ อันนำมาสู่การเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท สร้างโอกาสในการขยายธุรกิจประเภทค้าปลีกทั้งในกลุ่มอาหาร เทคโนโลยี และพลังงานทดแทน