วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย แสดงความเชื่อมั่นว่ารัสเซียและอิหร่านสามารถเพิ่มความร่วมมือในประเด็นความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมทั้งการมีบทบาทแก้ปัญหาความขัดแย้งในซีเรีย ขณะเดียวกันก็คาดหวังที่จะกระตุ้นภาคการค้าระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน ท่ามกลางแรงกดดันจากชุดมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติที่มอสโกกำลังเผชิญอยู่ สืบเนื่องจากกรณีการรุกรานยูเครน
ปูตินเดินทางถึงอิหร่านเมื่อวานนี้ (19 กรกฎาคม) ซึ่งถือเป็นทริปต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในปลายเดือนกุมภาพันธ์ (หากไม่นับรัฐอดีตสหภาพโซเวียต) โดยนอกจากไรซีแล้ว ผู้นำรัสเซียยังได้พบกับ อยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน และ เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกีด้วย
โดยเมื่อวานนี้ Shana สำนักข่าวของกระทรวงน้ำมันอิหร่านรายงานด้วยว่า บริษัทน้ำมันแห่งชาติของอิหร่านได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ กับบริษัท Gazprom ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซียด้วย โดยดีลนี้ครอบคลุมถึงการพัฒนาแหล่งก๊าซของอิหร่านและการสร้างท่อส่งก๊าซใหม่
ด้านคาเมเนอีได้ยกย่องความร่วมมือระหว่างรัสเซียและอิหร่านว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทั้งสองฝ่าย
“เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกตอกย้ำว่าอิหร่านและรัสเซียจำเป็นต้องเพิ่มความร่วมมือระหว่างกัน” คาเมเนอีระบุในแถลงการณ์
ส่วนการหารือระหว่างปูตินกับแอร์โดอันนั้น หัวข้อหลักๆ เป็นเรื่องของการส่งออกธัญพืชจากยูเครน ซึ่งรัฐบาลยูเครนกล่าวหาว่ารัสเซียปิดกั้นเส้นทางการขนส่งธัญพืชกว่า 20 ล้านตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กระทบซัพพลายเชนอาหารทั่วโลก
โดยปูตินยังกล่าวขอบคุณผู้นำตุรกีกับบทบาทคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างรัสเซียกับยูเครน “การช่วยไกล่เกลี่ยของคุณ ทำให้เราสามารถเดินไปข้างหน้าได้ แม้ว่าปัญหาทั้งหมดยังไม่ได้แก้ไข แต่ก็เป็นเรื่องที่ดี”
ภาพ: Iranian Presidency / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: