×

Dubai Frame กรอบรูปใหญ่ที่สุดในโลกที่ดูไบเปิดแล้ว ทั้งสวยงาม มีเรื่องราว และฉาวโฉ่

17.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins read
  • ‘ดูไบ เฟรม’ คือสถาปัตยกรรมหน้าตาคล้าย ‘กรอบรูป’ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดให้เข้าชมเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากผ่านกระบวนการก่อสร้างมาถึง 10 ปีเต็ม ด้วยเม็ดเงินกว่า 43.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.39 พันล้านบาท
  • คอนเซปต์ง่ายๆ ของ ‘ดูไบ เฟรม’ คือการแสดงภาพให้ผู้เข้าชมได้เห็นถึงสภาพแวดล้อมของดูไบ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพราะที่ตั้งของดูไบ เฟรม นั้นตั้งอยู่บริเวณเขตแบ่งระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่อย่างพอดิบพอดี
  • ความฉาวโฉ่ของโครงการนี้คือการที่ ‘เฟอร์นานโด โดนิส’ ผู้ชนะการออกแบบอาคารนี้ ออกมาบอกว่าเทศบาลเมืองดูไบได้ทำการเปลี่ยนแปลงแบบของเขาเพียงเล็กน้อย และเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปอย่างหน้าตาเฉย โดยที่เขาไม่ได้รับเงินค่าชดเชยใดๆ

เป็นอีกครั้งที่เมืองดูไบในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สร้างปรากฏการณ์อันน่าตื่นเต้นให้กับวงการสถาปัตยกรรม หลังจากที่พวกเขามี บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ (Burj Khalifa) อาคารที่สูงที่สุดในโลกที่มนุษย์ก่อสร้าง และรั้งตำแหน่งดังกล่าวอยู่มาเป็นเวลา 8 ปีเต็มแล้ว ครั้งนี้ดูไบมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับคนทั่วโลก ด้วยการเปิดอาคารหน้าตาคล้าย ‘กรอบรูป’ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากผ่านกระบวนการก่อสร้างมานานถึง 10 ปีเต็มด้วยเม็ดเงินกว่า 43.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.39 พันล้านบาท ไม่มีเงินทำไม่ได้นะ!

 

ดูไบ เฟรม ขณะก่อสร้าง Photo: HowesDubai

 

ทำไมต้อง ‘กรอบรูป’ ?

คอนเซปต์ง่ายๆ ของ ‘ดูไบ เฟรม’ กรอบรูปฉาบทองคำความสูงขนาด 150 เมตร กว้าง 93 เมตรนี้คือการแสดงภาพให้ผู้เข้าชมได้เห็นถึงสภาพแวดล้อมของดูไบ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพราะที่ตั้งของดูไบ เฟรม นั้นอยู่บริเวณสวนสาธารณะ Zabeel Park ในเขต Al Kefaf ทางตอนเหนือของเมืองดูไบ ซึ่งเป็นเขตแบ่งระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่อย่างพอดิบพอดี

 

Photo: Dubai-frame

 

ดังนั้นหากคุณยืนอยู่ฟากเมืองเก่า คุณก็จะเห็นภาพของ ‘Modern Dubai’ ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าในกรอบรูปนั้นทั้ง เอมิเรตส์ ทาวเวอร์ หรือ บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ ก็ตาม ส่วนถ้าหากคุณอยู่ฝั่งเมืองใหม่ วิวในกรอบรูปดังกล่าวก็จะเป็นกลุ่มเมืองเก่าอย่าง Deira เมือง Umm Harare และเมือง Karama

 

Photo: Dezeen

 

ฉายภาพอดีต อนาคต และปัจจุบัน

ไม่ใช่แค่วิวทิวทัศน์ของ ดูไบ เฟรม ที่ฉายให้เห็นภาพทั้งเมืองเก่าและเมืองใหม่ แต่ภายในอาคารนั้นยังบรรจุสิ่งที่น่าสนใจไว้เช่นกัน ‘Dubai Frame Exhibition’ นิทรรศการที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของเจ้ากรอบรูปขนาดยักษ์นี้ รวมไปถึงยังมี ‘Past Dubai Gallery’ สถานที่จัดแสดงการเจริญเติบโตของดูไบแบบปีต่อปี โดยใช้เทคนิคการจัดแสดงที่ผสมผสานสื่อหลากชนิดอันน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งโปรเจกเตอร์ หมอก และกลิ่น

 

และเมื่อเต็มอิ่มกับยุคอดีตแล้ว คุณจะต้องเดินทางต่อไปยังลิฟต์แก้วเพื่อส่งคุณขึ้นไปยังจุดสูงสุดของดูไบ เฟรม ที่ชั้น 48 เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศโดยรอบของเมืองดูไบที่คุณจะเห็นสภาพปัจจุบันของดูไบทั้งในส่วนเมืองเก่าและเมืองใหม่ ที่สำคัญยังมีบางส่วนของจุดชมวิวเป็นพื้นกระจก ที่เพิ่มประสบการณ์ความหวาดเสียวให้คุณด้วยเช่นกัน

 

ทิวทัศน์ฝั่งตัวเมืองเก่าของดูไบจากจุดชมวิวของ ดูไบ เฟรม

Photo: What’s On Dubai

 

หลังจากนั้นคุณจะถูกส่งกลับลงมาโดยลิฟต์โดยสารอีกตัวซึ่งจะพาคุณไปยัง ‘Future Dubai Gallery’ อุโมงค์ที่จะฉายภาพสามมิติและบอกเล่าการคาดเดาอนาคตของดูไบในอีก 50 ปีข้างหน้า ประหนึ่งได้นั่งไทม์แมชชีนไปดูสภาพบ้านเมืองล่วงหน้า

 

Photo: Supreme Tourism AE

 

Photo: Inhabitat

 

ความฉาวโฉ่ของไอคอนใหม่

โครงการ ดูไบ เฟรม นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเทศบาลเมืองดูไบจับมือกับบริษัทผลิตโลหะชื่อดังจากเยอรมนีอย่าง ThyssenKrupp จัดการแข่งขันระดับนานาชาติเพื่อเฟ้นหาแบบอาคารจากโจทย์ ‘โครงสร้างขนาดสูงที่สามาถแสดงความเป็นเมืองดูไบออกมาได้’ จากผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่า 900 คนทั่วโลก ผลคือสถาปนิกจากเม็กซิโกชื่อ Fernando Donis (เฟอร์นานโด โดนิส) เป็นผู้ชนะไป

 

ภาพร่างแรกทั้งสองภาพที่ เฟอร์นานโด โดนิส ส่งเข้าประกวด

ซึ่งเขากล่าวว่าถูกเทศบาลนครดูไบขโมยไอเดียไป

Photo: CNN

 

แต่ก็ไม่ใช่จะเป็นเรื่องดีกับตัวเขาเท่าไรนัก เพราะเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของการแข่งขันระบุว่า ‘การออกแบบของผู้ชนะจะต้องได้รับการพิจารณาโดยเทศบาลนครดูไบ และจะได้รับการว่าจ้างให้ใช้แบบดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อมีการเซ็นสัญญาลงนามโดยทั้งสองฝ่ายเท่านั้น’ แต่แล้ว เฟอร์นานโด โดนิส ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง CNN เมื่อปีก่อนว่าเทศบาลเมืองดูไบได้ทำการเปลี่ยนแปลงแบบของเขาเล็กน้อยและเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปโดยไม่มีการเซ็นสัญญาใดๆ เกิดขึ้นทั้งนั้น อีกทั้งเขาเองยังไม่ได้ค่าออกแบบหรือเงินชดเชยใดๆ จากกรณีที่เกิดขึ้น

 

ภาพบรรยากาศด้านบนจุดชมวิวของดูไบ เฟรม

Photo: Dubai Sightseeing

 

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีโอกาสแวะเวียนไปละแวกนั้น ก็ลองไปเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมที่มีเรื่องราวแห่งนี้ได้ ‘ดูไบ เฟรม’ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น.โดยเสียค่าเข้าชมประมาณ 50 ดีแรห์ม หรือประมาณ 435 บาทไทย  เด็กอายุมากกว่า 3 ปีเสียค่าเข้าชม 20 ดีแรห์มหรือ 175 บาทไทย ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และผู้พิการเข้าชมฟรี

Maps:

 

 

Photo: Courtesy of Dubai Frame

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่

อ้างอิง:

FYI
  • ถึงแม้ เฟอร์นานโด โดนิส จะไม่ได้รับเงินค่าชดเชยจากการถูกนำแบบอาคารไปปรับใช้ แต่เขาก็อีเมลมาถึง CNN ว่า เขามีความสุขที่ได้เห็นดูไบ เฟรม เฉิดฉายอยู่ใจกลางเมืองดูไบ
  • อาคารแห่งนี้มีเหล็กเป็นส่วนประกอบถึง 2,000 ตัน และใช้กระจกลามิเนตอีกกว่า 2,900 ตารางเมตร รวมไปถึงฉาบไปด้วยทองคำอีกกว่า 15,000 ตารางเมตร
  • นอกจากนี้ลวดลายที่คุณเห็นอยู่ภายนอกของดูไบ เฟรม คือลวดลายเดียวกันกับโลโก้งาน Dubai World Expo ที่จะมีขึ้นในปี 2020 อีกด้วย
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X