หลังจากฤดูฉลองเทศกาลปีใหม่ผ่านพ้น พอได้สติสตางค์ กลับคืนมาสู่ที่ตั้งเดิม เรามักจะถามกันเล่นๆ แต่มีนัยจริงจัง ว่าแต่ละคนตั้งความหวังกับปีที่ล่วงเข้ามาไม่กี่วันอย่างไร กลายเป็นปณิธานปีใหม่ตามแบบฝรั่งที่เข้ามามีอิทธิพล จนแยกกับธรรมเนียมไทยไม่ออก
มองในภาพรวม ปณิธานปีใหม่ถือเป็นการกำหนด เส้นทางแต่เนิ่นๆ ทำให้แต่ละคนมีเป้าหมายชัดเจนล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง จะเป็นจุดหมายทางด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือเรื่องส่วนตัวอะไรก็แล้วแต่ อย่างที่เขาว่ากันว่า การเริ่มต้นดีเหมือนก้าวสู่ความสำเร็จไปแล้วครึ่งทาง
ข้อดีของการที่เรามีรูปแบบการนับเวลารอบใหญ่เป็นปีคือเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้งเมื่อผ่านไปครบ 12 เดือน เหมือนเราเล่นเกมมาถึงจุดสิ้นสุด แล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ เมื่อหน้าจอขึ้นว่า Game Over
12 เดือนไม่สั้นและไม่ยาวเกินไปสำหรับการตั้งหลักใหม่ หากชีวิตที่ผ่านมาจะลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนล่องเรือผ่านสายน้ำเชี่ยวกรากในบางช่วง และสำหรับคนที่ผ่านหนึ่งปีมาอย่างสุขสมหวัง การเดินทางเข้าสู่ปีใหม่ย่อมไม่มีอะไรน่าห่วง
ไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องวาดฝันวางเป้าหมายใหญ่ทุกปี ปณิธานของบางคนอาจจะเป็นแค่การหันมาใส่ใจต่อสุขภาพ แล้วเริ่มจัดสรรเวลามาออกกำลังกาย หรือให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารเป็นพิเศษ
ที่พูดกันบ่อยๆ เห็นจะเป็นการตั้งใจไว้แต่เนิ่นๆ ว่า ‘ปีนี้จะอ่านหนังสือให้มากขึ้น’ ในยุคที่สำนักพิมพ์ต้องมีบุคลิกทาง การตลาดโดดเด่น และสื่อสิ่งพิมพ์ต้องหาลักษณะเฉพาะของ ตัวเองให้เจอ หรือ ‘จะเดินทางให้มากขึ้น’ ในยุคที่คนรุ่นใหม่เริ่มตระหนักว่า การได้ออกไปพบโลกกว้างผ่านการท่องเที่ยวเป็นการเรียนรู้ชีวิตที่ต้องอาศัยประสบการณ์ตรงเท่านั้น
แน่นอนว่า การเริ่มต้นทุกครั้งหลังปีเก่ารูดม่านปิดฉากลง คงไม่เหมือนการเริ่มต้นกด Play ครั้งใหม่ หลังเกมที่ผ่านไปสิ้นสุดลง ปีนี้กับปีที่แล้วถึงอย่างไรก็ตัดกันไม่ขาด การดำเนินชีวิตตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งเรื่องส่วนตัวและในสาขาอาชีพย่อมมีผลต่อเส้นทางในปีนี้อย่างต่อเนื่อง
เราแค่ใช้วาระการขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินเป็นหมุดหมายเตือนใจเล็กๆ ว่า หากเรามาดมั่นจะให้ปลายทางของปี 2561 ได้ผลลัพธ์แบบที่เราจะไม่มานึกเสียใจในภายหลัง เราควรจะเริ่มใหม่อย่างไรตั้งแต่ตอนนี้