ทุกครั้งที่เห็นฟีดบนอินสตาแกรมของ เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ สิ่งที่หลายคนรับรู้ได้มักจะเป็นพลังงานด้านบวกที่เผื่อแผ่รอยยิ้ม ความสุข และความสดใสผ่านตัวตนและการแต่งกายที่ไร้ขีดจำกัดอยู่เสมอ เขาคนนี้คืออดีตนักร้องบอยแบนด์ชื่อดังวงเคโอติก (K-OTIC) ที่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นนักจิตบำบัดเต็มตัวแล้ว เขาใช้เสียงของตนเองเพื่อขับเคลื่อนความเท่าเทียมทางเพศ อีกทั้งส่งเสริมพื้นที่ปลอดภัยและน่าอยู่ให้กับกลุ่ม LGBTQ+ และคนรุ่นใหม่ให้กล้าแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองเป็นและมีอิสระในการนำเสนอต่อสังคม ภายใต้แนวคิด ‘My Body, My Choice’ และ ‘เสื้อผ้าไม่มีเพศ’
กว่าจะมาเป็นตัวเองอย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขื่อนเองก็เคยเป็นคนที่ต้องทำตามความคาดหวังของสังคมมาอยู่ตลอดจากการสวมหมวกเป็น เขื่อน เคโอติก สมาชิกวงบอยแบนด์ที่เน้นเอกลักษณ์ความเป็นผู้ชาย หล่อ เท่ ซึ่งการรักษาบุคลิกให้ได้ตามที่วางไว้อย่างยาวนาน ก็ได้ทำให้ เขื่อน ภัทรดนัย ในช่วงวัยรุ่นเกิดความรู้สึกสับสน และรู้สึกได้ว่า “ตัวตนของตัวเองหายไป เราเป็นใครก็ไม่รู้” จนต้องกลับมาเช็กอินกับตัวเองว่า “แท้จริงแล้ว เราต้องการอะไรในชีวิต และสิ่งที่ทำอยู่มันใช่แล้วหรือยัง?”
ในรายการ Woody Help Me Please by Merz Aesthetics ใน EP.2 ที่มีเมิร์ซกูรูอย่าง ครูน้ำฝน ภักดี ผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพ และผู้ก่อตั้งสถาบัน Pronality Academy มาร่วมให้ข้อคิดผลักดันพลังบวก ทำให้เขื่อนได้แชร์ประสบการณ์ของตัวเองเกี่ยวกับการปลดล็อกไปสู่ตัวตนที่แท้จริง ซึ่งหลังจากเป็นนักร้องอยู่ในวงการบันเทิงสักระยะหนึ่ง เขาก็ได้ตัดสินใจศึกษาต่อทางด้านจิตวิทยาที่ประเทศอังกฤษ โดยแรงบันดาลใจหลักในการไปเรียนด้านนี้คือ คุณแม่และพี่สาวของเขื่อนนั้นมีปัญหาด้านสุขภาพจิต จึงต้องการจะเรียนรู้และทำความเข้าใจกับอาการอย่างถ่องแท้ เพื่อดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด และนำความรู้มาเผยแพร่ให้สังคมเปิดใจและมองว่าปัญหาสุขภาพจิตคือความปกติ และเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่ต่างจากสุขภาพกาย
และจากประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวมาจากการเรียนที่อังกฤษกว่า 6 ปี ก็เปิดโอกาสให้เขื่อนได้กล้าเผชิญหน้ากับความกลัวภายในจิตใจ ได้เช็กอินกับตนเองจนค้นเจอความหมายในสิ่งที่ตัวเองเจอในอดีต จนนำไปสู่การยอมรับตัวตนที่แท้จริง
การที่เขาได้รู้ตัวเองว่าจากนี้ไปครอบครัวตนเองจะต้องมาที่หนึ่งเสมอ รวมไปถึงการแสดงออกถึงเพศสภาพที่เป็นอิสระของตนเอง การแต่งตัวในเสื้อผ้าที่ไม่จำกัดเพศ และพร้อมจะสนับสนุนความหลากหลายทางเพศในสังคมอย่างเต็มที่จะเป็นตัวตนที่แท้จริงที่เขาจะประกาศให้ทุกคนได้รู้ด้วยการแสดงออกอย่างทรงพลัง แต่ประเด็นคือแม้ว่าให้เขาจะรักและยอมรับในตัวตนของตนเองมากแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นการวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมภายนอกที่ประดังประเดเข้ามา ด้วยเหตุนี้ ในการที่ยืนหยัดความเชื่อมั่นในตนเองได้อย่างเข้มแข็งได้นั้น เขื่อนก็ได้หมั่นพูดกับข้างในตัวเอง (Self-Talk) อย่างสม่ำเสมอว่า
“นี่คือชีวิตของเรา เรากำหนดเอง เราอยากแต่งตัวแบบไหนได้ตามใจ อยากทำอะไรได้ตามสิ่งที่เราคิด เพียงแค่คำนึงถึงกาลเทศะและสถานที่ก็พอแล้ว”
เมื่อเขาเริ่มปรับทัศนคติตนเองที่มีต่อคนภายนอกที่ไม่ชอบหรือไม่เข้าใจเขา โดยแยกแยะว่า “นี่ไม่ใช่ปัญหาของเขื่อน แต่เป็นปัญหาของเขา เขากำลังจัดการปัญหาของตนเองอยู่ เขาก็มีปัญหาของเขาเช่นกัน” หากคนภายนอกได้ใช้คำพูดหรือการกระทำที่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ตนเองก็พร้อมจะลุกขึ้นไม่ยินยอมต่อความคิดดังกล่าว พร้อมทั้งรณรงค์ให้สังคมเข้าใจเรื่องเพศ การแต่งตัว และรูปร่างหน้าตา จนไปถึงยอมรับความหลากหลายในการแต่งตัวแบบหลากหลาย ภายใต้แนวคิด ‘My Body, My Choice’ และจากความเข้าใจในตัวเองอย่างถ่องแท้ เขาได้กลายเป็นพลังด้านบวกที่ช่วยต่อยอดทำให้คนทั่วไปกลับมาเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มั่นใจในการใช้ชีวิตได้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
นอกจากการแชร์ประสบการณ์ดีๆ ที่เป็นกำลังใจให้ผู้อื่นของเขื่อนแล้ว ในมุมมองของครูน้ำฝน ผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพ และผู้ก่อตั้งสถาบัน Pronality Academy ก็ได้แนะนำ 5 ขั้นตอนสู่การเป็นตัวเองอย่างมั่นใจโดยไม่หวั่นต่อกระแสสังคมดังนี้
- มองเห็นปัญหาของตนเอง หากหลายคนยังหนีจากปัญหาที่เกิดขึ้นในจิตใจจะไม่สามารถก้าวผ่านความกลัวของตนเองได้ ดังนั้นต้องกล้ามองให้ลึกลงไปยังปัญหาที่เกิดขึ้น จะได้ทราบว่าปัญหาเหล่านั้นมันคืออะไร แตกรายละเอียดได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
- ยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้น การยอมรับปัญหาว่าคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้ตนเองได้แก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้
- เข้าใจปัญหาของตนเอง พิจารณาถึงปัญหาต่อว่า ต้นตอที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร เป็นปัญหาที่คนทั่วไปต่างเผชิญหรือไม่ และคิดว่าตนเองสามารถบรรเทาส่วนใดของปัญหาได้บ้าง
- เรียนรู้ปัญหาพร้อมกับการใช้ชีวิต แน่นอนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มีทางออกที่ตายตัว หรือคลี่คลายได้ในพริบตา การคาดเดาต่อไปไม่มีอะไรดีขึ้นนอกเสียจากว่าอยู่กับปัญหา ค่อยๆ คลายปมแต่ละปม และใช้ชีวิตของตนในปัจจุบันให้ดีที่สุด
- เปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้น เมื่อเรายอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นแล้วก็จะทำให้เราหันมาโฟกัสกับตัวเองได้ดี มาพัฒนาตัวเองและสร้างเอกลักษณ์ตัวเองออกมาได้มากขึ้น
ภาพ: Instagram / koendanai
อ้างอิง:
- Merz Aesthetics