บ้านสีเขียวหลังใหม่ใจกลางเมืองในซอยสุขุมวิท 38 นี้คือ OKONOMI ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Eatery & Cafe แสนอบอุ่น ที่ยกแบรนด์ OKONOMI มาจากมหานครนิวยอร์ก แล้วปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ชาวคาเฟ่ฮอปเปอร์ของเมืองกรุงเทพฯ อีกทอดหนึ่ง
OKONOMI เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ที่เมืองบรูกลิน ก่อตั้งโดย Yuji Haraguchi โดดเด่นในเรื่องของปลาที่มีคุณภาพดี สดใหม่ และตระเตรียมมาอย่างดี เน้นเสิร์ฟอาหารแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม แต่เพิ่มความสวยงามประณีตในแบบสมัยใหม่เข้าไป และยึดมั่นในหลักปรัชญา Mottainai หรือการไม่เหลืออาหารทิ้ง เหลือทิ้งให้น้อยที่สุด วัตถุดิบที่ใช้ในร้านจะต้องถูกใช้อย่างคุ้มค่า เพราะฉะนั้น OKONOMI ที่บรูกลินจะเปิดในช่วงกลางวัน ส่วนช่วงกลางคืนจะเปิดในส่วนของ Yuji Ramen เป็นร้านราเมน เพราะทางร้านจะแบ่งวัตถุดิบมาใช้ให้คุ้มที่สุด เนื้อปลาที่ใช้ในอาหารชุดของ OKONOMI ไปจนหมดแล้ว ก็เอากระดูกปลามาต้มเป็นซุปสำหรับใช้ในราเมนของ Yuji Ramen นอกจากนี้ Yuji Haraguchi ยังมีร้านอาหารอื่นๆ ในชื่อ Lorimer, Okozushi และ Osakana อีกด้วย
บรรยากาศร้าน
บรรยากาศร้าน
บรรยากาศร้าน
บรรยากาศร้าน
เมื่อมาเปิดสาขาที่ไทย OKONOMI ก็ถูกปรับโฉมใหม่ให้เข้ากับคนไทยมากขึ้น ทั้งบรรยากาศร้านและเมนูอาหารที่ไม่ได้มีเพียงแค่อาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมแล้ว แต่มีอาหารญี่ปุ่นทวิสต์อย่างโทสต์ปลารมควันหรือสลัดอยู่ด้วย บรรยากาศร้าน OKONOMI ตกแต่งเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีนวล ผนังสีขาว แจกันดอกไม้ที่เรียบง่าย และดอกไม้สด แต่ก็มีการแทรกเสริมเอเลเมนต์ที่นิยมใช้กันในคาเฟ่ในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นหินเทอราซโซหรือการทาสีร้านด้วยสีพาสเทล เพื่อปรับให้ OKONOMI เป็นร้านที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทยมากขึ้น
Head Chef ของร้าน Dave del Pilar Potes
อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ OKONOMI สาขากรุงเทพฯ คือ Dave del Pilar Potes ทีมบริหาร OKONOMI และ Yuji Ramen ที่บินตามมาจาก OKONOMI เพื่อมาดำรงตำแหน่ง Head Chef ของ OKONOMI ที่กรุงเทพฯ
Dave เคยเป็นช่างภาพที่ทำงานร่วมกับ OKONOMI และ Yuji Ramen มาก่อนที่จะได้มาเป็นเชฟและทีมบริหาร เริ่มจากงานถ่ายภาพ ปัจจุบันก็ผ่านมากว่า 8 ปีแล้วที่เขาหันมาจับมีดแล่ปลาและตกแต่งอาหารในร้านให้ออกมาสวยงามเพอร์เฟกต์
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า OKONOMI และ Yuji Ramen มีหลักที่ยึดถือกันมาตลอดคือหลักปรัชญา Mottainai หรือการไม่เหลืออาหารทิ้ง เหลือทิ้งให้น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นวัตถุดิบที่ใช้ในร้านจะต้องถูกใช้อย่างคุ้มค่า ปลาเมื่อเอาเนื้อมาใช้หมดแล้ว ก็จะนำก้างไปต้มเป็นซุปสำหรับเมนูอื่นต่อ หรือผักต่างๆ ก็ถูกใช้ในหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นผักดองหรือในซุปมิโซะ
Misozuke Hamachi (550 บาท) เพิ่ม Ikura (90 บาท)
เมนูที่เป็นไฮไลต์ของ OKONOMI คือชุดอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เสิร์ฟตั้งแต่เวลา 08.00-11.00 น. ชุดอาหารเช้าแบบนี้เรียกว่า ‘อิจิจู ซันไซ’ แปลว่า ‘ซุปหนึ่ง กับข้าวสาม’ เป็นอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่คิดค้นจับคู่ขึ้นมาเพื่อให้ได้สารอาหารครบห้าหมู่ในมื้อเดียว เหมาะกับการเริ่มวันใหม่อย่างสุขภาพดี ทั้งคาร์โบไฮเดรตจากข้าวสวย โปรตีนและไขมันจากไข่และเนื้อสัตว์ในจานหลัก วิตามินและเกลือแร่จากผักในจานเคียงอีกสองจาน ที่มักจะเป็นผักดองแบบญี่ปุ่น เป็นอาหารที่เรียบง่าย หลากหลาย อยู่ท้อง และได้ประโยชน์
Misozuke Hamachi (550 บาท)
ของหมักดองที่ทางร้านทำเอง
อาหารเช้าอิชิจู ซันไซของ OKONOMI นั้นมีให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ โดยจะเหมือนกันหมดทุกอย่างยกเว้นปลาที่เป็นกับข้าวจานหลัก ทางร้านมีปลาให้เลือก 4 แบบ แตกต่างกันตรงที่การหมัก ส่วนในภาพคือ Misozuke Hamachi (550 บาท) เป็นชุดที่ใช้ปลาฮามาจิหมักด้วยวิธี Misozuke หรือหมักด้วยมิโซะจากเกียวโตเพื่อดึงน้ำออกจากตัวปลา ทำให้เมื่อเอาปลาไปย่างแล้วเนื้อปลาจะมีเท็กซ์เจอร์กรอบด้านนอก แต่ด้านในยังคงความฉ่ำเอาไว้อยู่ การเลือกปลาของทางร้านนั้นเลือกมาจากตลาดปลาที่ญี่ปุ่นจึงสามารถมั่นใจในคุณภาพและความสดใหม่ได้เลย ในจานปลานั้นรายล้อมด้วยทามะโกะยากิ ชิราอะเอะผักปวยเล้ง หรือผักปวยเล้งราดด้วยเต้าหู้บด และบรอกโคลีคลุกงา ส่วนข้าวนั้นเป็นข้าวญี่ปุ่นผสมธัญพืชโรยด้วยโอกากะหรือปลาแห้งรสชาติกลมกล่อม
ถ้วยใบเล็กที่รายล้อมกับข้าวจานหลักก็มีทั้งไข่ออนเซนในโชยุหวานทำเองของทางร้าน ผักดองนานาชนิดที่ทางร้านทำเองเช่นกัน แต่ถ้ายังไม่หนำใจก็สามารถเลือกเพิ่ม Ikura (90 บาท) ได้ โดยไข่ปลาแซลมอนจะมีกลิ่นรสจางๆ ของส้มยูสุเพิ่มความสดชื่นด้วย ส่วนซุปมิโซะนั้นทางร้านก็ใช้มิโซะที่ทำเอง ในซุปก็เต็มไปด้วยผักหัวแบบเดียวกับในจานผักดอง
Yaki-Ochazuke (320 บาท) และ Koen ‘Garden’ Curry (280 บาท)
อาหารจานเดียวแบบ Donburi ของทางร้านก็มีให้เลือกหลากหลาย โดยอาหารเหล่านี้จะเสิร์ฟทั้งวัน สองเมนูที่ขายดีจะเป็น Yaki-Ochazuke (320 บาท) ที่เอาโอชาซุเกะมาทำใหม่ให้สนุกขึ้นกว่าเดิมด้วยการใช้ข้าวผสมธัญพืชมาปั้นให้เป็นโอนิกิริแล้วย่างให้กรอบ กินกับปลาฮามาจิรมควันและผักมิซูน่า ก่อนกินจะต้องราดน้ำซุปปลาโชยุร้อนที่คงคอนเซปต์มตไตไนด้วยการใช้ก้างปลาฮามาจิที่ได้จากชิ้นปลาที่เสิร์ฟคู่กันมาในการทำน้ำซุป เป็นเมนูที่อบอุ่นคอมฟอร์ตมาก ส่วนอีกเมนูหนึ่งคือ Koen ‘Garden’ Curry (280 บาท) ข้าวแกงกะหรี่มังสวิรัติ เบสของน้ำแกงกะหรี่ทางร้านเลือกใช้สาหร่ายคมบุและดาชิเห็ดหอมในการทำ เพิ่มรสชาติด้วยมิโซะขาว น้ำผึ้ง มันฝรั่ง แครอต และแอปเปิล ด้านบนมีเห็ดไมตาเกะย่างนุ่มหนึบมาคู่กับมะเขือม่วง แซมด้วยผักมิซูน่า
หรือถ้ากำลังมองหาอะไรมากินคู่กับกาแฟเป็นมื้อเบาๆ ก็สั่งเป็น Smoked Fish & Avocado Toast (350 บาท) อะโวคาโดโทสต์ที่พิเศษโฮลวีตโทสต์ผสมธัญพืชและโรยด้วยเนื้อปลาฮามาจิรมควันกว่า 24 ชั่วโมง เพิ่มกลิ่นรสด้วยแรดิชและหัวหอมใหญ่ดอง โรยด้วยสาหร่ายโนริ
Hot Matcha Latte (140 บาท) และ Iced Hojicha Latte (140 บาท)
Hot Matcha Latte (140 บาท) และ Sweet Potato Tart (120 บาท)
ในส่วนของเครื่องดื่มและขนมหวานทางร้านก็มีให้เลือกครบด้วยความเป็นทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ แต่จะโดดเด่นที่สุดในเรื่องของเครื่องดื่มที่มีความเป็นญี่ปุ่น ทั้ง Hot Matcha Latte (140 บาท) มัทฉะลาเต้ที่เลือกใช้ชาเขียวจากเมืองอุจิ ให้สีเขียวสดชัดเจนไม่หม่นแต่อย่างใด หรือใครที่ชอบรสเข้มสไตล์ชาคั่วหน่อยก็เลือกเป็น Iced Hojicha Latte (140 บาท) โฮจิฉะลาเต้รสเข้มข้นถึงใจ และอีกเมนูที่ไม่ควรพลาดเลยคือ Kuromitsu Macchiato (140 บาท) ที่ใช้คุโรมิตสึแทนการใช้คาราเมล ก็ได้รสชาติของความเป็นญี่ปุ่นไปอีกแบบหนึ่ง
และเมนูขนมที่สามารถสั่งมากินคู่กัน Sweet Potato Tart (120 บาท) ทาร์ตมันหวานที่หอมอบอวลไปทั่วทั้งปากยามตักขึ้นมากิน เพิ่มรสชาตินุ่มนวลด้วยก้อนครีมสดที่โปะมาด้านบน เข้ากันได้ดีกับทุกเมนูชาและกาแฟ
OKONOMI
Open: ทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 38 กรุงเทพฯ
Budget: 300-700 บาท
Contact: 06 1338 8000
Website: https://okonomi.com/
Map: https://goo.gl/maps/d6JsH3XprAJNB731A
