สหประชาชาติเรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรงในอิรัก หลังยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลพุ่งขึ้นเป็นเกือบ 100 ราย ขณะที่ประชาชนยังคงเดินหน้าชุมนุมอย่างต่อเนื่องจากชนวนความไม่พอใจปัญหาคอร์รัปชัน อัตราการว่างงานสูง และระบบบริการสาธารณะที่ย่ำแย่
จีนนี เฮนนิส-พลาสแชร์ต หัวหน้าภารกิจช่วยเหลืออิรักของสหประชาชาติ กล่าวว่า วิกฤตการประท้วงที่ดำเนินมา 5 วัน นับจากวันอังคารที่ผ่านมา จำเป็นต้องยุติลง หลังมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้นำตัวผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสียมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม
เมื่อวานนี้ (5 ตุลาคม) กองกำลังความมั่นคงของอิรักได้สลายกลุ่มผู้ประท้วงในกรุงแบกแดด โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะครั้งนี้รวม 5 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงและแก๊สน้ำตาในการควบคุมสถานการณ์
ด้านคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนของรัฐสภาอิรักระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 99 รายในเหตุประท้วงรวม 5 วัน และบาดเจ็บเกือบ 4,000 ราย ซึ่งถือเป็นเหตุนองเลือดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลประกาศชัยชนะเหนือสงครามกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามในอิรักในปี 2017
เหตุประท้วงในอิรักปะทุขึ้นในเมืองหลวง ก่อนที่จะลุกลามลงพื้นที่ทางใต้ของประเทศ โดยประชาชนจำนวนมากไม่พอใจที่อัตราการว่างงานของประชากรวัยหนุ่มสาวพุ่งขึ้น รวมถึงระบบบริการสาธารณะที่ล้มเหลวและปัญหาคอร์รัปชันที่เรื้อรัง ขณะที่รัฐบาลของมาห์ดีถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้นับตั้งแต่ขึ้นรับตำแหน่งเมื่อเกือบ 1 ปีที่แล้ว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: