สืบเนื่องจากคดีดังเมื่อปี 2553 จากเหตุการณ์ที่ รวินภิรมย์ อรุณวงศ์ หรือแพรวา ขับรถเก๋งเฉี่ยวชนกับรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ โดยก่อให้เกิดเหตุการณ์น่าสลดใจครั้งใหญ่ ภายหลังมีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ และมีผู้บาดเจ็บอีก 6 ราย จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่ผ่านระยะเวลามาร่วม 9 ปี หลังจากนั้นเป็นเรื่องของการไกล่เกลี่ยในชั้นศาลระหว่างครอบครัวแพรวาและครอบครัวผู้เสียหาย จนกระทั่งการต่อสู้ในชั้นศาลเกิดการนำประเด็นเรื่องของนามสกุล ‘เทพหัสดิน ณ อยุธยา’ เข้ามาพัวพันกับคดี
ล่าสุด (18 ก.ค.) ตัวแทนราชสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงกรณีคดีอุบัติเหตุ 9 ศพกับประเด็นการเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และข้อพาดพิงต่างๆ ต่อราชสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา
โดย ณัฐพล ทองคำ ทนายประจำราชสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา กล่าวว่าทางราชสกุลไม่เคยนิ่งนอนใจ พร้อมทั้งขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง กราบขออภัยจากใจ และขอขมาทุกคนที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในครั้งนั้น ตลอดมาไม่เคยลืมอุบัติเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนั้น และได้ผลักดันให้ทางครอบครัวของแพรวา หรือรวินภิรมย์ อรุณวงศ์ ปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่ได้หนีไปไหน และติดตามข่าวมาตลอดจนทราบว่าแพรวาถูกตัดสินให้รับโทษในคดีอาญาเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยไม่เคยคิดหลบหนี
เมื่อสอบถามไปทางครอบครัวของแพรวาหลายครั้ง ได้รับคำตอบว่าคดีสิ้นสุดแล้วทุกครั้ง ทางราชสกุลจึงวางใจและไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวผู้ก่อเหตุ เนื่องจากสมาชิกของราชสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา มีการลงทะเบียนไว้ร่วม 200 ครอบครัว แต่ละครอบครัวก็ได้แยกย้ายกันดำรงชีวิตตามลักษณะครอบครัวเดี่ยวในปัจจุบัน
จนหลายวันที่ผ่านมาทางราชสกุลได้รับทราบพร้อมกับประชาชนว่าหลังจากคดีสิ้นสุด ครอบครัวผู้ประสบเหตุยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางครอบครัวของแพรวา ซึ่งขอขอบคุณ วรัญญู เกตุชู หนึ่งในผู้ประสบเหตุ และสื่อมวลชนหลายสำนักที่เป็นกระบอกเสียงส่งข่าวให้พวกเราได้รับทราบข้อเท็จจริง เมื่อได้ทราบข่าวแล้วพวกเราก็เรียกประชุมทันทีและได้ข้อสรุปหลายประการ แต่ขณะนั้นกระแสโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงราชสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา โดยไม่ทราบถึงความตั้งใจจริงของเราที่เรียกประชุมทันทีที่ทราบข่าว โดยบางท่านใช้คำพูดรุนแรง ไม่สุภาพ พาดพิงถึงบรรพบุรุษซึ่งล่วงลับไปแล้ว ทางผู้ใหญ่ในราชสกุลจึงให้ข่าวกับทางสื่อว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ ทราบข่าวแล้ว และกำลังเร่งดำเนินการกับเรื่องนี้
พร้อมขอวอนให้หยุดพาดพิงถึงบรรพบุรุษและราชสกุล เนื่องจากเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ จึงไม่อยากให้เกิดความแตกแยกแตกร้าวในสังคม แต่เป็นการออกมาตักเตือนการใช้วาจาในการแสดงความเห็นในโลกโซเชียลในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งเท่านั้น และตัวบุคคลผู้กระทำผิดที่ใช้นามสกุลเดียวกันนี้ยินยอมรับโทษตามคำตัดสินในคดีอาญา ส่วนคดีแพ่งที่เพิ่งสิ้นสุดไปนั้นก็ยังไม่จบสิ้นกระบวนการ และทางผู้เสียหายไม่ต้องกังวลเรื่องหมดอายุความ พร้อมเน้นย้ำว่าทางราชสกุลต่างรับทราบและมีข้อสรุป ทางผู้เสียหายต้องได้รับการชดใช้อย่างแน่นอน
โดยวันนี้ทางราชสกุลออกแถลงการณ์เพื่อแนะนำและช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ พร้อมมอบกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุสำรองใช้จ่ายที่เป็นการระดมทุนจากราชสกุลเป็นจำนวน 500,000 บาท ในการติดตามบังคับคดีสืบทรัพย์ตามกฎหมายหลังจากนี้ต่อไป
พร้อมขอเรียกร้องให้ครอบครัวของแพรวาน้อมรับและปฏิบัติตามคำพิพากษา อีกทั้งเร่งดำเนินการให้ทุกอย่างเรียบร้อยไปด้วยดีภายใต้คุณธรรมและจริยธรรมอันดี และเมื่อคดีต่างๆ สิ้นสุดลงไปแล้ว ขอวอนสังคมให้โอกาสต่อแพรวาที่ขณะนั้นเป็นเพียงเยาวชนและไม่ตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้นจริงๆ ได้มีโอกาสแสดงความรับผิดชอบ นอกจากไม่หลบหนีไปไหนและน้อมรับโทษทุกประการแล้วก็ขอให้ได้แสดงความรับผิดชอบจัดหาทรัพย์มาเยียวยาต่อผู้ประสบเหตุอย่างครบถ้วน
ส่วนกรณีที่ทนายความฝั่งครอบครัวของแพรวานำนามสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา มาเป็นข้อกล่าวอ้างในชั้นศาล ทางทนายประจำราชสกุลระบุว่าไม่ได้มีการติดใจเอาความใดๆ พร้อมเน้นย้ำว่าคดีที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวแพรวา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ที่ใช้นามสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา คนอื่นๆ แต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
