“ใกล้ชิดดุจญาติมิตร” ทูตจีนย้ำเปิดกว้างกระชับความร่วมมือไทย จับมือหนุนอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เข้มปราบอาชญากรรมข้ามพรมแดน

จาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวปาฐกถา บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ที่จัดขึ้นวันนี้ (5 พฤศจิกายน) เป็นวันแรก ในหัวข้อ “จีนเปิดกว้างเพื่อความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับไทย : An Open China for the Promising Mutual Beneficial Cooperation with Thailand” โดยแสดงความยินดีที่จะกระชับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนของสังคมไทยเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตของทั้งสองประเทศ

โดยเอกอัครราชทูตจีนเริ่มต้นปาฐกถาด้วยการแสดงความเชื่อมั่นว่า ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล เศรษฐกิจของไทยจะฟื้นตัวต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่ดียิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้เขายังได้กล่าวถึง 2 เหตุการณ์สำคัญที่น่ายินดี คือการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 10 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีการอภิปรายและรับรองข้อเสนอของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี ฉบับที่ 15 ซึ่งเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาของจีนในอีก 5 ปีข้างหน้า

ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ยังได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีอนุทิน ซึ่งการหารือทวิภาคีครั้งนี้จัดขึ้นในวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย

โดยทั้งสองเหตุการณ์ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจนสำหรับสองประเทศ ทั้งการแบ่งปันโอกาสและการบรรลุผลสำเร็จร่วมกัน ผ่านการพัฒนาอย่างเปิดกว้าง ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทย

เอกอัครราชทูตจาง เจี้ยนเว่ย กล่าวว่า “ผู้นำไทยและจีนเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างการประสานยุทธศาสตร์การพัฒนา เร่งรัดการก่อสร้างทางรถไฟจีนไทย และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งในด้านการเกษตร เศรษฐกิจสีเขียว และนวัตกรรมดิจิทัล”

พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่าจะกระชับความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมด้านการท่องเที่ยวและเยาวชนในระดับท้องถิ่นของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนและเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน เช่น การพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตจาง เจี้ยนเว่ย ยังเน้นย้ำการสร้างอนาคตร่วมกันระหว่างจีนและไทยที่สดใสยิ่งขึ้น

เขาชี้ว่า จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยต่อเนื่อง 12 ปี และเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของไทย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40%

โดยในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ การค้าทวิภาคีระหว่างจีนและไทยมีมูลค่าสูงถึง 114.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 17% ขณะที่จีนเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญของไทย โดยมีการลงทุนมากกว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ และการลงทุนขยายจากการผลิตแบบดั้งเดิม ไปสู่อุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น พลังงานสะอาดและเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีส่วนช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทย

ขณะที่ไทยและจีนยังเป็นหุ้นส่วนที่ดีและสร้างสรรค์ ในโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางด้วย โดยทั้งสองฝ่ายได้เสริมสร้างการประสานยุทธศาสตร์และส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในโครงการสำคัญและโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต

โดยเขาระบุว่า โครงการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อเสร็จแล้วจะช่วยส่งเสริมการเชื่อมโยงระดับภูมิภาค ช่วยให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค

“จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรสหายที่ดี ญาติที่ดีและหุ้นส่วนที่ดี มีการแลกเปลี่ยนกันอย่างสม่ำเสมอและใกล้ชิดกันดุจญาติมิตร” เขากล่าว และย้ำว่า

“ในวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย จีนยินดีที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อหาโอกาสใหม่ๆ เสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน เสริมสร้างประชาคมจีนไทยที่มีอนาคตร่วมกัน และมีคุณูปการมากขึ้นต่อสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค”