×

คุยกับ Western Digital เบื้องหลังการเติบโตครั้งใหม่ของ ‘ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์’ ท่ามกลางราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นกว่า 300%

20.10.2025
  • LOADING...
คุยกับ Western Digital เบื้องหลังการเติบโตครั้งใหม่ของ ‘ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์’ ท่ามกลางราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นกว่า 300%

HIGHLIGHTS

  • ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หุ้นของบริษัทในอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูล ทะยานขึ้นหลายเท่าตัว โดย Western Digital เป็นหนึ่งในหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงที่ผ่านมา จากราคาประมาณ 30 ดอลลาร์ ช่วงต้นเดือนเมษายน 2025 พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 137.40 ดอลลาร์ หรือกว่า 370% ภายใน 6 เดือน ขณะที่ราคาหุ้น Seagate พุ่งขึ้น 312% ส่วนราคาหุ้นของ Micron Technology และ SK hynix เพิ่มขึ้น 230% และ 195% ตามลำดับ
  • “พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่มี HDDs ก็ไม่มี AI โซลูชัน HDDs ความจุสูงคือรากฐานที่จัดเก็บชุดข้อมูลมหาศาลที่ใช้ในการฝึกโมเดล” Stefan Mandl, Vice President, Sales and Marketing of APJC region ของ Western Digital Corporation กล่าว
  • Mandl อธิบายว่า การต่อสู้ระหว่าง HDDs และ SSDs ไม่ใช่เกมที่ฝ่ายหนึ่งต้องชนะและอีกฝ่ายต้องแพ้ (Zerosum Game) อีกต่อไปในยุคนี้
  • “ข้อมูลกำลังเติบโตอย่างมหาศาล และมันกำลังยกระดับสื่อจัดเก็บข้อมูลทุกรูปแบบไปพร้อมกัน ตั้งแต่ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDDs) ไปจนถึงแฟลช (SSDs) และแม้กระทั่งเทป ทุกสื่อจัดเก็บข้อมูลกำลังเติบโต ในกระแสคลื่นที่กำลังสูงขึ้นนี้ เรือทุกลำต่างถูกยกขึ้น และแรงส่งนี้ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง” Mandl กล่าว

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 8-10 ปีก่อน มีกระแสในอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูลเกิดขึ้นว่า Hard Disk Drive หรือ HDDs กำลังซบเซา จากการเข้ามาของเทคโนโลยีที่เรียกว่า Solid State Drive หรือ SSDs ซึ่งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปหน่วยความจำแบบ Flash Memory แทนการหมุนจานแม่เหล็กแบบ HDDs

 

แต่ท่ามกลางข้อมูลกำลังเติบโตอย่างมหาศาลในยุค AI พร้อมด้วยเทคโนโลยีการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่า ‘ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์’ กำลัง ‘ฟื้นคืนชีพ’ สู่การเติบโตครั้งใหม่ สะท้อนผ่านมูลค่า (Market Capitalization) ของหลายบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้

 

ตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นราคาหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในสหรัฐฯ อย่าง Western Digital Corporation (WDC), Seagate Technology Holdings (STX), Micron Technology (MU) หรือแม้แต่หุ้นอย่าง SK hynix (000660) ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ ทะยานขึ้นหลายเท่าตัว

 

Western Digital เป็นหนึ่งในหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงที่ผ่านมา จากราคาประมาณ 30 ดอลลาร์ ช่วงต้นเดือนเมษายน 2025 พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 137.40 ดอลลาร์ หรือกว่า 370% ภายใน 6 เดือน ขณะที่ราคาหุ้น Seagate พุ่งขึ้น 312% ส่วนราคาหุ้นของ Micron Technology และ SK hynix เพิ่มขึ้น 230% และ 195% ตามลำดับ

 

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อโลกกำลังมุ่งหน้าสู่เทคโนโลยีที่เร็วกว่าอย่าง SSDs? The Standard Wealth มีโอกาสสัมภาษณ์ Stefan Mandl, Vice President, Sales and Marketing of APJC region ของ Western Digital Corporation ผ่านทางอีเมล เพื่อถอดรหัสเบื้องหลังการกลับมาเติบโตอีกครั้งของอุตสาหกรรมนี้

 

AI คือ ‘คลื่นยักษ์’ ที่ยกเรือทุกลำ

 

การทะยานขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตหน่วยความจำ สะท้อนถึงความต้องการ (Demand) ที่แท้จริงในตลาด และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความต้องการมหาศาลนี้ก็คือ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ (AI)

 

Mandl อธิบายว่า การต่อสู้ระหว่าง HDDs และ SSDs ไม่ใช่เกมที่ฝ่ายหนึ่งต้องชนะและอีกฝ่ายต้องแพ้ (Zero-sum Game) อีกต่อไปในยุคนี้

 

“ข้อมูลกำลังเติบโตอย่างมหาศาล และมันกำลังยกระดับสื่อจัดเก็บข้อมูลทุกรูปแบบไปพร้อมกัน ตั้งแต่ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDDs) ไปจนถึงแฟลช (SSDs) และแม้กระทั่งเทป ทุกสื่อจัดเก็บข้อมูลกำลังเติบโต ในกระแสคลื่นที่กำลังสูงขึ้นนี้ เรือทุกลำต่างถูกยกขึ้น และแรงส่งนี้ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง” Mandl กล่าว

 

สิ่งที่ตอกย้ำภาพนี้คือข้อมูลจาก IDC ซึ่งคาดการณ์ว่าปริมาณข้อมูลที่โลกสร้างขึ้นจะ เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า จาก 173.4 เซตตะไบต์ (ZB) ในปี 2024 เป็น 527.5 เซตตะไบต์ (ZB) ภายในปี 2029 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจาก AI และคลาวด์คอมพิวติง ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลนี้ 80% ยังคงดำเนินการผ่าน HDDs

 

แม้ว่า SSD จะมีความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลที่จำเป็นต่อการประมวลผล AI ในบางขั้นตอน แต่เมื่อพูดถึงการ ‘จัดเก็บ’ ข้อมูลมหาศาลที่ใช้ในการฝึกฝนโมเดล AI หรือที่เรียกว่า ‘Data Lakes’ และ ‘Unstructured Big Data’ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ยังคงเป็นคำตอบที่ขาดไม่ได้

 

“HDDs จะยังคงเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจ AI ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลต่อไป IDC ประเมินว่าภายในปี 2029 เกือบ 80% ของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในคลาวด์จะยังคงอิงอยู่กับฮาร์ดไดรฟ์” Mandl กล่าว

 

เขาย้ำว่ากระบวนการของ AI นั้นสร้างข้อมูลหลายประเภท (Hot, Warm, Cold Data) ซึ่งแฟลชเพียงอย่างเดียวไม่สามารถจัดการได้อย่างคุ้มค่าหรือยั่งยืนได้

 

“พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่มี HDDs ก็ไม่มี AI โซลูชัน HDDs ความจุสูงคือรากฐานที่จัดเก็บชุดข้อมูลมหาศาลที่ใช้ในการฝึกโมเดล” Mandl กล่าว

 

สงครามนี้วัดกันที่ ‘TCO’ และนวัตกรรม ไม่ใช่แค่ความเร็ว

 

สำหรับผู้ให้บริการคลาวด์ระดับ Hyperscale และศูนย์ข้อมูลระดับองค์กร ปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจไม่ได้มีแค่ความเร็ว แต่คือ ‘ต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวม’ (Total Cost of Ownership – TCO)

 

“งานวิจัยของ Western Digital แสดงให้เห็นว่า HDDs มีความได้เปรียบด้านต้นทุนต่อเทราไบต์ (Cost-per-terabyte) มากกว่าแฟลชถึง 6 เท่า โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความจุสูงและมีการขยายขนาดใหญ่” Mandl กล่าว

 

ความได้เปรียบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากนวัตกรรมที่ Western Digital พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูลบนจานแม่เหล็ก (Areal Density) Mandl ได้ยกตัวอย่าง 3 เทคโนโลยีหลักที่เป็นหัวใจสำคัญ ได้แก่

 

  • ePMR (Energy-Assisted Magnetic Recording) เทคโนโลยีที่ใช้กระแสไฟฟ้าช่วยในการเขียนข้อมูล ทำให้สามารถเขียนบิตข้อมูลให้ชิดกันมากขึ้น นำไปสู่ความจุที่สูงขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม
  • OptiNAND™ การผสานชิปแฟลช (iNAND) เข้าไปในฮาร์ดไดรฟ์ เพื่อให้ชิปแฟลชช่วยจัดการงานดูแลระบบ (Housekeeping) ที่ซับซ้อน ทำให้ HDD ทำงานได้เร็วขึ้นและเพิ่มพื้นที่ว่างในการจัดเก็บข้อมูลหลัก
  • UltraSMR เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งผสานฮาร์ดแวร์และเฟิร์มแวร์เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถเพิ่มความจุได้ อีก 20% เมื่อเทียบกับไดรฟ์ CMR (Conventional Magnetic Recording) แบบดั้งเดิม

 

นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถประหยัดต้นทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และการระบายความร้อนได้อย่างมหาศาล

 

ประเทศไทย: ‘ศูนย์กลางการผลิต’ ที่พร้อมเติบโตรับเทรนด์ AI

 

จากการวิเคราะห์อุตสาหกรรม ในปี 2024 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีสัดส่วน 20.5% ของรายได้คลาวด์คอมพิวติงทั่วโลก ทำให้เป็นตลาดระดับภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุด ในปีเดียวกัน ภูมิภาคนี้สร้างรายได้ 154,285.6 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 22.9% ต่อปี (CAGR) ตั้งแต่ปี 2025 – 2030 ไปถึงระดับ 554,859.3 ล้านดอลลาร์ หรือราว 18 ล้านล้านบาท จากข้อมูลของ Grand View Horizon, Asia Pacific Cloud Computing Market Size & Outlook

 

เมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย Mandl ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้ใช้งาน แต่ในฐานะผู้ผลิตคนสำคัญของโลก

 

“ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงไทย ยังคงเป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับ Western Digital” Mandl กล่าว

 

ข้อมูลจาก Krungsri Research สนับสนุนภาพนี้ โดยคาดการณ์ว่ารายได้ของระบบจัดเก็บข้อมูลในศูนย์ข้อมูลของไทยจะ เติบโต 11-12% ต่อปี ระหว่างปี 2025 – 2027 ขณะที่รายงานจาก AI Thailand ชี้ว่าองค์กรในไทยถึง 73.3% มีแผนที่จะนำ AI มาใช้ในอนาคต เพิ่มเติมจาก 17.8% ที่เริ่มใช้ไปแล้ว

 

“ประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางการผลิต HDD ระดับโลก โดยอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลกในด้านการส่งออก HDD ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมการจัดเก็บข้อมูล Western Digital อยู่ในตำแหน่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการสนับสนุนการเติบโตนี้ เรากำลังผลักดันขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้ในการจัดเก็บข้อมูลความจุสูง เพื่อมอบคุณค่าและประสิทธิภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ในระดับขนาดใหญ่” Mandl กล่าวทิ้งท้าย

 

ภาพ: imaginima / Getty Images

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising