จบกันไปแล้วสัปดาห์ที่ผ่านมากับ The Secret Sauce Summit 2025 งานถอดสูตรลับการทำธุรกิจที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16-17 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในเวทีที่ได้รับความสนใจ คือ ‘Catching the Wellness Wave: From Trend to Winning โอกาสธุรกิจบนคลื่นสุขภาพ กับกลยุทธ์ชนะ 30 ปี ชีวาศรม’ ที่ได้สองผู้บริหารจาก Chiva-Som มาเผยเคล็ดลับ ถอดบทเรียนให้ฟังกันแบบสดๆ
ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพทั้งกายและใจ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Travel) กลายเป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก จนไม่ว่าใครก็พยายามสร้างแบรนด์เพื่อดึงดูดนักเดินทางสายเฮลทีให้แวะมาพักผ่อนกันทั้งนั้น ทว่าในขณะที่หลายประเทศเพิ่งตั้งไข่ Chiva-Som กลับวางรากฐานและโดดเด่นมากในอุตสาหกรรมนี้ อะไรทำให้รีสอร์ตเล็กๆ ริมทะเลหัวหินกลายเป็นไอคอนแห่งวงการสุขภาพระดับโลก เราสรุปมาให้คุณแล้ว
1. ภาพรวมและศักยภาพของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)
- กระแสโลก: การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นเทรนด์ร้อนทั่วโลก โดยมีศักยภาพการเติบโตสูง คาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปีระหว่างปี 2566-2571 มีมูลค่าตลาดประมาณ 830,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- แรงจูงใจของผู้บริโภค: ผู้คนยุคปัจจุบันต้องการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างโซลูชันระยะยาว ไม่ใช่แค่การขจัดปัญหาชั่วคราว การทำ Wellness ช่วยสร้างสมดุลให้กับเทรนด์ต่างๆ เช่น AI, สุขภาพจิต, ความยั่งยืน และเทรนด์อาหาร
- ศักยภาพของประเทศไทย: ประเทศไทยมีจุดแข็งอย่างมากในการเป็นผู้นำด้าน Wellness Tourism เพราะคนไทยเก่งในการผสมผสานศาสตร์ต่างๆ ทั่วโลกเข้ากับภูมิปัญญาไทย และมีเอกลักษณ์ในการส่งมอบบริการแบบไทย (Thai hospitality) ซึ่งสร้าง ‘ความเป็นมนุษย์’ ให้กับผู้คน
2. แนวคิดและปรัชญาของชีวาศรม: ผู้บุกเบิกแห่งวงการ Wellness Tourism
- การบุกเบิก: ชีวาศรมเป็นรีสอร์ตเพื่อสุขภาพของคนไทยที่ก่อตั้งเมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดยคุณบุญชู โรจนเสถียร ในขณะที่กระแส Wellness ยังไม่เป็นที่รู้จัก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนบ้านพักตากอากาศให้เป็นรีสอร์ตสุขภาพ
- นิยาม Wellness ของชีวาศรม:
- สุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness): การแสวงหาสมดุลของสุขภาวะด้านจิตใจ, ร่างกาย, อารมณ์, ระบบนิเวศ และความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีงาม (ซึ่งมักถูกมองข้าม)
- ที่มาตามธรรมชาติ: การก่อตั้งชีวาศรมไม่ใช่การ ‘กล้าทำ’ แต่เป็นการต่อยอดจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของคุณบุญชูที่ดูแลสุขภาพตัวเองและเพื่อนๆ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นรากฐานของการส่งมอบบริการ Wellness ที่สมบูรณ์แบบ
- บริการของชีวาศรม:
- เน้นบริการที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล (personalized) เพื่อสนับสนุน ‘Wellness Journey’ ของแขกแต่ละคน ซึ่งแตกต่างกันไป
- มีทรีตเมนต์มากกว่า 200 รายการ ครอบคลุมด้านต่างๆ ได้แก่ กายภาพบำบัด, สปา, สุขภาพแบบองค์รวม (แพทย์ทางเลือก), ฟิตเนส, โภชนาการ และความงามแบบองค์รวม (aesthetic beauty)
3. หลักคุณค่า (Core Values) ที่ชีวาศรมยึดมั่นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง
ท่ามกลางโลกที่ผันผวนรวดเร็ว ชีวาศรมยึดมั่นในหลักคุณค่าที่ไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่
- การแสวงหาสมดุลของสุขภาวะแบบองค์รวม: ทั้งจิตใจ, ร่างกาย, อารมณ์, ระบบนิเวศ และความสัมพันธ์ทางสังคม
- การอนุรักษ์และส่งเสริมระบบนิเวศ: เชื่อว่า Wellness ที่สมบูรณ์จะเกิดขึ้นได้ต้องมีระบบนิเวศที่ดี (เช่น การบำบัดน้ำเสีย 100%, ใช้พลังงานแสงอาทิตย์, ลดพลาสติก, ใช้สินค้าท้องถิ่น, ฟาร์มออร์แกนิก, การจัดการขยะ)
- การมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมโดยรอบ: มองชุมชนเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต้องคืนประโยชน์ให้ท้องถิ่นและยกระดับชุมชนไปพร้อมกัน
- การจัดวางความเป็นเลิศ (‘The Best’ ไม่ใช่ ‘The Biggest’): มุ่งมั่นส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคม
- การยกย่องพรสวรรค์ในการส่งมอบบริการของคนไทย
- เน้นย้ำคุณค่าของ ‘ใจไทย’ ซึ่งตัวแทนวัฒนธรรมแบบไทย มีความหมายหลากหลาย การบริการแบบไทยๆ ที่มีทั้งความรัก ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ
- ชี้ว่าลักษณะพิเศษของคนไทยในการบริการเป็น ‘ทรัพย์สินทางปัญญา (IP)’ ที่ควรสร้างสรรค์และรักษาไว้ เพื่อให้ไทยมีอำนาจต่อรองและก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง
4. คำแนะนำสำหรับธุรกิจอื่นๆ ในการนำมิติ Wellness ไปปรับใช้
- เข้าใจ Wellness อย่างลึกซึ้งและ ‘Walk the Talk’: ผู้ประกอบการต้องเข้าใจความหมายของ Wellness (สุขภาวะแบบองค์รวม) และปฏิบัติเอง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและเป็นแบบอย่างให้ทีมงาน
- โอกาสใน Supply Chain: ธุรกิจ Wellness มี Supply Chain ที่กว้างมาก ตั้งแต่การเกษตร (สมุนไพร, อาหาร), การผลิต (อุปกรณ์), เทคโนโลยี (แอปพลิเคชัน) ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำแบบรีสอร์ทโดยตรง
- บูรณาการในหลากหลายธุรกิจ: สามารถนำไปปรับใช้ได้ในร้านอาหาร (Wellness Menu), คลินิกกายภาพบำบัด, ฟิตเนส, ธุรกิจด้านสุขภาพจิต จิตวิญญาณ, Eco/Nature-based tourism
- การพัฒนาบุคลากร: ชีวาศรมมี ‘ชีวาศรม อะแคเดมี’ เพื่อแบ่งปันความรู้และฝึกฝนผู้ที่สนใจทำธุรกิจ Wellness
- ความสำคัญของ ‘คน’: ผู้นำควรดูแล Wellness ของตัวเองและพนักงานก่อน เพื่อให้พวกเขามีความสุขและส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้าได้
- การทำงานร่วมกัน: ควรมีการรวมกลุ่มหรือสมาคมผู้ประกอบการ Wellness เพื่อปรึกษาหารือ ปรับปรุง และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในภาพรวม
5. เทรนด์และทิศทางในอนาคตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย (5-10 ปีข้างหน้า)
- AI กับความเป็นมนุษย์: Wellness จะเป็นตัวสร้างสมดุลในยุค AI ที่กำลังเข้ามา โดยเน้นย้ำถึง ‘ยุคของความเป็นมนุษย์’ และการเข้าหาธรรมชาติมากขึ้น
- ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม: การเติบโตของ Wellness ต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบนิเวศที่สมบูรณ์ การดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนสำคัญของ Wellness ที่แท้จริง
- เอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของไทย: เมื่อ Wellness เป็นเทรนด์ที่แพร่หลายทั่วโลก ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของตนเอง เพื่อไม่ให้หลงทางไปกับเทรนด์ที่เกิดขึ้น
- สิ่งที่ประเทศไทยต้อง ‘กล้าเปลี่ยน’
-
- ความร่วมมือ: ธุรกิจต่างๆ ควรทำงานร่วมกัน อย่าทำต่างคนต่างทำ
- การส่งเสริมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์: ไม่ใช่แค่หยิบยกมาใช้ แต่ต้องส่งต่อให้คนรุ่นหลังเพื่อความยั่งยืน
- ความซื่อสัตย์สุจริตของวิชาชีพ: ในการดูแลสุขภาพ สิ่งที่ส่งมอบให้ลูกค้าต้องเป็นโซลูชันที่ดีที่สุด
- การยกระดับสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม: การแก้ปัญหารถติด, มลพิษ (PM2.5) และคุณภาพอากาศเป็นสิ่งสำคัญต่อการขับเคลื่อน Wellness Tourism
- การดูแลผู้สูงวัย: เป็นประเด็นเร่งด่วน โดยปัจจุบันผู้สูงวัย (60+ ปี) มีสัดส่วน 1 ใน 5 ของประชากรไทย และ 80% มีโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งรัฐใช้งบประมาณจำนวนมาก การส่งเสริม Wellness จะช่วยลดภาระนี้
- การบรรจุ Wellness ในหลักสูตรการศึกษา: ปูพื้นฐานความรู้ด้าน Wellness ตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อให้ประชากรไทยมีการตัดสินใจเลือกวิถีชีวิตที่ดีที่สุด และสะท้อนภาพความเป็นผู้นำด้าน Wellness ได้อย่างแท้จริง
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าใครอยากฟังเต็มๆ สามารถเข้าไปฟังย้อนหลังได้นานถึง 6 เดือนเต็มๆ ซื้อบัตรดูย้อนหลังได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/The-Secret-Sauce-Summit-2025