OpenAI ได้เปิดตัว GPT-5 โมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) เวอร์ชันล่าสุดที่ทั่วโลกตั้งตารออย่างเป็นทางการเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (7 สิงหาคม) พร้อมคำนิยามว่า ‘ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และมีประโยชน์มากขึ้น’ โดยชูจุดเด่นด้านความสามารถที่เทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอก (PhD-level) ในหลากหลายสาขา
การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับการแข่งขันในสมรภูมิ AI ขึ้นไปอีกขั้น ท่ามกลางการขับเคี่ยวอย่างดุเดือดกับคู่แข่งอย่าง Grok ของ อีลอน มัสก์ ที่เคยอ้างว่า ‘ดีกว่าระดับปริญญาเอกในทุกเรื่อง’ มาแล้วก่อนหน้านี้
แซม อัลท์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI เปรียบเทียบพัฒนาการของโมเดล AI ว่า “GPT-3 ให้ความรู้สึกเหมือนคุยกับนักเรียนมัธยมปลาย GPT-4 เหมือนคุยกับนักศึกษามหาวิทยาลัย แต่ GPT-5 เป็นครั้งแรกที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับผู้เชี่ยวชาญในทุกหัวข้อ เหมือนผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอก”
OpenAI เน้นย้ำว่า GPT-5 มีความสามารถในการให้เหตุผล (Reasoning) ที่ดีขึ้น สามารถแสดงขั้นตอนการทำงานและตรรกะเบื้องหลังคำตอบได้ สร้างซอฟต์แวร์ได้ทั้งระบบ มีภาวะประสาทหลอน (Hallucinations) หรือการสร้างข้อมูลเท็จน้อยลง และให้ความรู้สึกเหมือนมนุษย์มากขึ้น
การมาถึงของ GPT-5 เกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่สมบูรณ์แบบ ท่ามกลางกระแสที่องค์กรชั้นนำระดับโลกกำลังหันมาใช้ AI เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งาน ChatGPT ในภาคธุรกิจแบบชำระเงินแล้วกว่า 5 ล้านราย และมีผู้ใช้งานทั่วไป เกือบ 700 ล้านคนต่อสัปดาห์ ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับ AI ในวงกว้างที่พร้อมจะต่อยอดสู่เทคโนโลยีที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น
GPT-5 ก้าวกระโดดครั้งสำคัญในทุกมิติ
OpenAI ระบุว่า GPT-5 ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ก้าวกระโดดในทุกด้านที่สำคัญต่อการใช้งานจริงในโลกธุรกิจ ได้แก่:
- ความแม่นยำ (Accuracy) ให้คำตอบและผลลัพธ์ที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
- ความเร็ว (Speed) ตอบสนองและประมวลผลได้รวดเร็วกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
- การให้เหตุผล (Reasoning) มีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาที่ซับซ้อนและหาข้อสรุปเชิงตรรกะได้ดีขึ้น
- การรับรู้บริบท (Context Recognition) เข้าใจบริบทของการสนทนาและคำสั่งที่ต่อเนื่องได้ยาวนานและแม่นยำยิ่งขึ้น
- การคิดเชิงโครงสร้าง (Structured Thinking) สามารถวางแผนและจัดการงานที่มีหลายขั้นตอนได้อย่างเป็นระบบ
- การแก้ปัญหา (Problem-Solving) มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่ท้าทายได้ดีกว่าเดิม
“ความมหัศจรรย์ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อภาคธุรกิจเริ่มนำ GPT-5 ไปประยุกต์ใช้เพื่อจินตนาการถึงกรณีการใช้งาน (Use Cases) ใหม่ๆ” OpenAI กล่าวในแถลงการณ์
การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่องค์กรชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น BNY, Figma, Morgan Stanley, SoftBank, T-Mobile และอีกมากมาย ได้เริ่มนำ AI เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับพนักงานแล้ว ความคุ้นเคยกับการใช้ AI ในชีวิตประจำวันของผู้คนเกือบ 700 ล้านคนต่อสัปดาห์ กำลังเป็นแรงผลักดันสำคัญให้องค์กรต่างๆ ต้องมอบเครื่องมือ AI ที่ดีที่สุดให้กับบุคลากรของตน เพื่อเพิ่มผลิตภาพ ประสิทธิภาพ และความคิดสร้างสรรค์
อ้างอิง:
