แลนด์มาร์กประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสอย่าง ‘Grand Palais’ กลับมาเปิดประตูต้อนรับผู้ชมอีกครั้ง หลังจากการบูรณะครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 120 ปี โดย ‘Chatillon Architectes’ สตูดิโอสถาปัตยกรรมจากปารีส ที่ทุ่มเวลากว่า 4 ปีในการฟื้นคืนชีวิตให้อาคารแห่งนี้
Grand Palais ถูกสร้างขึ้นในปี 1900 สำหรับงาน ‘Universal Exhibition’ และกลายเป็นภาพจำตัวแทนของความงดงามทางศิลปะ เทคโนโลยี และความภาคภูมิใจทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศส หลังจากโถง ‘Nave’ ได้รับการบูรณะเสร็จในปี 2024 เพื่อใช้ในโอลิมปิก ปารีส ตัวอาคารทั้งหลังซึ่งมีพื้นที่กว่า 77,000 ตารางเมตร ก็ได้รับการฟื้นฟูทั้งหมด ทั้งด้านโครงสร้าง การใช้งาน และประสบการณ์ของผู้เข้าชม
Francois Chatillon ผู้ก่อตั้งสตูดิโอ กล่าวว่า “เราไม่ได้ตั้งใจจะสร้างใหม่ แต่ต้องการคืนชีวิตให้อาคารนี้ ให้ผู้คนได้เห็นมันในแบบที่เคยเป็น พร้อมเปิดพื้นที่ให้กับอนาคต” พวกเขาจึงศึกษาแบบแปลนเก่ากว่า 3,000 ฉบับ เพื่อเข้าใจโครงสร้างดั้งเดิม แล้วค่อย ๆ ปลดเปลื้องสิ่งที่ถูกปิดทับ ฟื้นคืนพื้นที่ที่เคยหายไป เชื่อมโยงทุกส่วนของอาคารให้เป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ชัดที่สุดคือการเปิดส่วนแกนกลางดั้งเดิมที่เชื่อม ‘Square Jean Perrin’ ไปถึงแม่น้ำแซน ซึ่งเคยถูกปิดไว้หลายทศวรรษ ตอนนี้กลายเป็น ‘Place Centrale’ พื้นที่เปิดที่เชื่อมหลายโซนเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ มีการรื้อผนังที่เคยกั้น Nave กับ Palais de la Découverte ตั้งแต่ปี 1937 ออก ทำให้เราเห็นทัศนียภาพภายในที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และการปรับผังใหม่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงอาคารได้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 140%
Grand Palais ไม่ได้แค่คืนความงดงามทางสถาปัตยกรรม แต่ยังเพิ่มฟังก์ชันใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคปัจจุบัน ทั้งแกลเลอรีจัดแสดงศิลปะร่วมสมัยพร้อมระบบไฟและเทคโนโลยีที่ปรับให้เหมาะกับนิทรรศการหลายรูปแบบ ลิฟต์กว่า 40 ตัว และบันไดอีก 30 จุด เชื่อมพื้นที่ทุกระดับเอื้อต่อผู้พิการ นอกจากนี้ยังมี ‘Le Réséda Café’ คาเฟ่บนชั้นลอยที่มองเห็นวิวภายใน และ ‘Le Grand Café’ ร้านอาหารบรรยากาศคลาสสิกโดยทีม Loulou ที่มองเห็นสวน Champs-Élysées
นอกจากส่วนด้านใน บริเวณสวนรอบอาคารก็ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด มีการปลูกต้นไม้กว่า 60,000 ต้น จาก 250 สายพันธุ์ พร้อมระบบรดน้ำที่ใช้น้ำฝนจากหลังคา ทำให้เกิดการหมุนเวียนของระบบนิเวศและยั่งยืน
Chatillon ยังใช้ทั้งฝีมือช่างแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีร่วมสมัย เพื่อฟื้นฟูรูปปั้น ประตู หน้าต่าง และรายละเอียดสถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงหน้าต่างโบราณกว่า 150 บาน และประตูสูงถึง 6 เมตร ช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ทั่วทั้งอาคาร
Simon Chatillon หุ้นส่วน Chatillon Architectes กล่าวว่า “งานอนุรักษ์ไม่จำเป็นต้องแค่รักษาของเก่า แต่คือการเปิดโอกาสให้ตึกเก่าได้มีชีวิตใหม่”
Grand Palais เวอร์ชันใหม่นี้ จึงไม่ได้เป็นแค่สถานที่ทางประวัติศาสตร์ แต่กลายเป็นพื้นที่ที่มีชีวิต ใช้งานได้จริง และเปิดรับผู้คนในแบบที่สอดคล้องกับยุคสมัย เป็นอีกตัวอย่างของการอนุรักษ์ที่ไม่ใช่แค่เก็บรักษา แต่คือการปรับให้มีความหมายต่อปัจจุบันและอนาคต
ภาพ: Chatillon Architectes
