หลัง 72 ชั่วโมงแห่งความโกลาหลที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เซ็นคำสั่งฝ่ายบริหารเป็นตั้งรวมนับร้อยฉบับ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่เขย่าโลกทั้งใบ เขาปรากฏตัวบนจอกลางเวทีประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum 2025 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งถือเป็นการเข้าร่วมประชุมผู้นำระดับโลกครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เทอมที่ 2
“ยุคทองของสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ว” ทรัมป์กล่าวเปิดด้วยคำพูดเดิมเหมือนตอนสาบานตน ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติที่เข้ามานั่งฟังเต็มฮอลล์ เพื่อรอจับสัญญาณต่างๆ เกี่ยวกับทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ การต่างประเทศ ความมั่นคง พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ยุคทรัมป์ 2.0
และนี่คือบทสรุปส่วนหนึ่งจากเวที ซึ่งแบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกเป็นสปีชเดี่ยวของทรัมป์ และช่วงที่สองเป็นช่วงถาม-ตอบกับสปีกเกอร์บนเวที
นโยบายเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อม
ทรัมป์กล่าวว่า สิ่งที่โลกได้เห็นในช่วง 72 ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็น ‘การปฏิวัติสามัญสำนึก’ ฝ่ายบริหารของเขากำลังทำงานอย่างรวดเร็วในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อแก้ไข ‘ภัยพิบัติที่รัฐบาลได้รับมา’
ที่ผ่านมาทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายสีเขียวของเดโมแครต ซึ่งเมื่อคืนนี้เขาก็ยืนยันว่าได้ฉีกข้อตกลง Green New Deal ที่เป็นนโยบายให้ทุกภาคส่วนช่วยกันหยุดยั้งวิกฤตสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เขาเรียกดีลนี้ว่า Green New Scam
ในวันสาบานตน เขาเซ็นคำสั่งนำสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสอีกครั้ง เขาประกาศเรื่องนี้บนเวทีดาวอส รวมถึงประกาศยุตินโยบายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่เขามองว่า ‘บ้าและราคาแพง’ ซึ่งทรัมป์บอกว่า หลังจากนี้รัฐบาลจะปล่อยให้ประชาชนซื้อรถอย่างที่พวกเขาต้องการ
เขาย้ำเหมือนเมื่อตอนหาเสียงด้วยว่า สหรัฐฯ มีน้ำมันและก๊าซปริมาณมหาศาลมากกว่าประเทศอื่นใดในโลก และสหรัฐฯ จะขุดมาใช้ประโยชน์ เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อและนำรายได้เข้าประเทศ ซึ่งสวนทางกับที่โลกกำลังมุ่งสู่พลังงานสะอาด
โยงเรื่องราคาพลังงานกับสงครามยูเครน
ทรัมป์ยังใช้เวทีดาวอสกล่าวโทษบรรดาประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันว่ามีส่วนทำให้สงครามในยูเครนยืดเยื้อ
เขายังเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียและ OPEC ลดต้นทุนราคาน้ำมันลง เมื่อราคาพลังงานลดต่ำลงจะส่งผลให้สงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติลงในทันที เพราะเขามองว่ารัสเซียจะขาดรายได้ในการนำไปทุ่มทำสงครามกับยูเครน
ขู่ขึ้นภาษี ถ้าไม่มาผลิตสินค้าในสหรัฐฯ
ทรัมป์บอกว่า สารที่เขาส่งให้ภาคธุรกิจทั่วโลกนั้นง่ายมาก ซึ่งก็คือสนับสนุนให้บริษัทในประเทศต่างๆ เข้ามาทำธุรกิจและตั้งโรงงานผลิตสินค้าในสหรัฐฯ โดยรับปากว่า ประเทศเหล่านั้นจะได้รับผลตอบแทนคือ สหรัฐฯ จะเก็บภาษี ‘ในอัตราต่ำที่สุดในโลก’
“หากคุณไม่มาผลิตสินค้าในสหรัฐฯ คุณจะต้องจ่ายภาษีศุลกากร ซึ่งภาษีจำนวนหลายแสนล้านถึงล้านล้านดอลลาร์จะเข้าคลังสหรัฐฯ และจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ” ทรัมป์กล่าว
ลดภาษีในประเทศขนานใหญ่
ทรัมป์ยืนยันว่า ด้วยเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา รัฐบาลจะเดินหน้าผ่านกฎหมายลดภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งครอบคลุมภาษีเงินได้ของแรงงานและครอบครัว และภาษีของผู้ผลิตและโรงงานในประเทศ
ขับไล่ผู้อพยพผิดกฎหมายที่เขามองเป็น ‘ผู้รุกราน’
ทรัมป์เผยว่า ได้สั่งการให้ทหารและกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิไปประจำการที่ชายแดน เพื่อผลักดันผู้อพยพผิดกฎหมายออกจากชายแดน ทรัมป์มองว่าคนเหล่านี้เข้ามารุกราน ซึ่งเขาจะไม่ปล่อยให้ดินแดนสหรัฐฯ ถูกละเมิดหลังจากผ่านมา 4 ปีอันยาวนาน
นโยบายเกี่ยวกับสงคราม
ทรัมป์อ้างผลงานว่า ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ทีมงานของเขามีส่วนสำคัญในการช่วยเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสในตะวันออกกลาง ซึ่งดีลนี้จะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีทรัมป์และทีมงาน
ทรัมป์ยังยืนยันว่า ต้องการให้มีการแก้ปัญหาขัดแย้งอย่างสันติระหว่างรัสเซียกับยูเครน และเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้สำเร็จ
สมาชิก NATO ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ก่อนหน้านี้ทรัมป์มองว่าถูก NATO เอาเปรียบในเรื่องการจัดสรรงบประมาณด้านการทหาร เขาย้ำบนเวทีดาวอสอีกครั้งว่า ต้องการให้สมาชิก NATO เพิ่มงบประมาณป้องกันประเทศจาก 2% ของ GDP เป็น 5%
ทรัมป์กล่าวว่า ปัจจุบันหลายประเทศจ่ายเพียง 2% ของ GDP และประเทศส่วนใหญ่ก็ไม่ยอมจ่ายสมทบ ซึ่งทรัมป์ยืนยันว่า ประเทศเหล่านี้ต้องจ่าย โดยที่สหรัฐฯ จะไม่ยอมจ่ายส่วนต่างให้อีก
ทรัมป์บอกด้วยว่า เขาปลุกสามัญสำนึกกลับมาในสหรัฐฯ ได้แล้ว และตอนนี้ก็จะนำความเข้มแข็ง สันติภาพ และเสถียรภาพ ไปสู่ต่างประเทศด้วย
ส่วนช่วงถาม-ตอบ เป็นการตอบคำถามจากสปีกเกอร์บนเวที
สตีเฟน ชวาร์ซแมน ประธานและซีอีโอ Blackstone Group ถามเกี่ยวกับความยุ่งยากของกฎระเบียบในสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่สหรัฐฯ จะลดกฎระเบียบต่างๆ ลง ทรัมป์มองอย่างไร
ทรัมป์ตอบว่า นักธุรกิจต่างหงุดหงิด เพราะขั้นตอนของ EU ใช้เวลานานมากในการอนุมัติ ซึ่งเขาเรียกร้องให้ EU ต้องทำให้ขั้นตอนต่างๆ เร็วขึ้น
เขายังใช้โอกาสนี้วิจารณ์ยุโรปว่า ตั้งภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงมาก และเขาจะแก้ปัญหาการขาดดุลการค้ากับ EU
ไบรอัน มอยนิฮาน ประธานและซีอีโอ Bank of America ถามว่า คำสั่งพิเศษฝ่ายบริหารของทรัมป์จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างไร และจะทำให้เงินเฟ้อต่ำลงหรือไม่
ทรัมป์ตอบอย่างมั่นใจว่า นโยบายของเขาจะทำให้เงินเฟ้อต่ำลง และจะสร้างงานเพิ่มขึ้นจำนวนมาก นอกจากนี้จะทำให้บริษัทมากมายย้ายเข้ามาในสหรัฐฯ ด้วย
โดยหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยส่งเสริมคือการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลง 15% หากบริษัทเหล่านั้นมาผลิตสินค้าในสหรัฐฯ
อีกคำถามไฮไลต์บนเวทีที่ทั่วโลกจับตาคือ บอร์เก เบรนเด ประธานและซีอีโอ WEF ถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนใน 4 ปีต่อจากนี้ รวมถึงสงครามในยูเครน
ทรัมป์เชื่อว่าสหรัฐฯ กับจีนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีมากต่อจากนี้ ทรัมป์บอกว่าชอบสีจิ้นผิงและชื่นชอบมาตลอด ซึ่งการที่สีจิ้นผิงโทรหาเขา ทรัมป์มองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ยอมรับว่าสองฝ่ายยังมีปัญหาขัดแย้งที่รอการแก้ไข
สิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการคือความเป็นธรรมและสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน ทรัมป์บอกว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์กับจีนมีลักษณะไม่เป็นธรรม เพราะสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนมหาศาล
ส่วนคำถามว่า ทรัมป์กลับมาประชุมดาวอสปีหน้า สงครามในยูเครนจะยุติหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่าก็ขึ้นอยู่กับปูติน ทรัมป์ยังหวังให้จีนมีบทบาทช่วยยุติสงครามในยูเครน โดยเฉพาะการช่วยคุยกับรัสเซีย เพราะฝั่งยูเครน สหรัฐฯ ทำงานด้วยอยู่ตลอด และยูเครนก็พร้อมที่จะทำข้อตกลง
เขาย้ำทิ้งท้ายว่า ถ้าเขาอยู่ในตำแหน่ง จะไม่เกิดสงครามในยูเครนตั้งแต่แรก
ภาพ: Yves Herman / Reuters