×

เบื่องาน Tinder ความตาย และอีกหลายเรื่องที่คนอายุ 30+ อยากถามพี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์

03.06.2018
  • LOADING...

มีเรื่องไหนอีกบ้างที่พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ยังไม่เคยให้สัมภาษณ์ – ผมคิดว่าคงยากมาก

ถ้าอย่างนั้นผมอยากลองเปลี่ยนจากการสัมภาษณ์มาเป็นการนั่งคุยกับพี่เบิร์ดแบบพี่ชาย-น้องชายที่มาแลกเปลี่ยนบทเรียนในชีวิตกันน่าจะดีกว่า หลายคำถามมาจากสิ่งที่คนวัย 30+ อย่างผมกำลังเผชิญอยู่ และอยากแลกเปลี่ยนกับรุ่นพี่ที่ผ่านโลกมามากกว่า ตั้งแต่เรื่องหน้าที่การงาน ความสัมพันธ์ ความร่วงโรยของพ่อแม่ ไปจนถึงการวิพากษ์สังคมไทย ซึ่งแต่ละคำตอบของพี่เบิร์ดให้บทเรียนชีวิตหลักสูตร ‘ธงไชยศึกษา’ ที่ไม่ว่าใครก็น่าจะปรับไปใช้ได้ในชีวิตจริง

และนี่คือสิ่งที่พี่เบิร์ดอยากบอกพวกเราครับ

 

 

รักงาน / เบื่องาน

พี่เบิร์ดโชคดีมากเลยนะครับที่ได้ทำงานที่รักอย่างยาวนาน ถ้าไม่รักจริงคงลาออกจากงานนี้ไปแล้ว
มีอยู่ครั้งหนึ่งหลังอัลบั้ม ส.ค.ส. พี่เต๋อ-เรวัต พุทธินันทน์ กลัวว่าจากนี้ไปพี่เบิร์ดจะเอาไม่อยู่แล้ว เพราะพี่ผ่านความสำเร็จมามาก มันเหมือนหินที่เขาฉลุเป็นลายสวยแล้ว ฉลุไปมากกว่านี้มันแตกแล้ว พี่เต๋อก็บอกว่า “เบิร์ดพอเถอะ” แต่เรากลับไปหาพี่เต๋อ บอกว่า “พ่อครับ บังเอิญเบิร์ดมีหินหลายก้อน มันมีให้ฉลุอีกเยอะเลย” (หัวเราะ) ของแบบนี้มันอยู่ที่ว่าเรารักจริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง

พี่เติบโตมาจากความไม่มีอะไรเลย แต่ได้ความรักพ่อแม่ทดแทนเข้าไป มันอิ่มมาก เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอความรักที่ทุกคนให้มา ฉะนั้นเมื่อมันมีความรักแล้ว วันที่เราไม่มีอะไรมันยังแปลว่ามีอะไรเยอะเลย แล้วพี่จะไปตามหาอะไรอีก พี่ไม่ตามหาอะไรแล้ว เพราะพี่อยู่กับสิ่งที่พี่อยากจะอยู่ พี่จะขอทำในสิ่งที่พี่อยากจะทำอย่างนี้ต่อไป

เหนื่อยไหม สิ่งที่เธอทำอยู่…
(หัวเราะ) เหนื่อยครับ เหนื่อยแค่กาย พักแป๊บเดียวก็หาย ไม่มีเลยที่จะไม่อยากทำ มีแต่กรีดร้องว่าเมื่อไรจะถึง เมื่อไรจะได้ทำ มีแต่เขาไล่ให้พี่ไปพัก คนอื่นจะได้พักบ้าง (หัวเราะ) ถ้ายังไหว พี่เบิร์ดจะไม่ยอมให้หยุดเลย ปัจจุบันนี้พี่เบิร์ดขอเล่นคอนเสิร์ตวันละ 2 รอบ เขาก็ไม่ให้เล่นแล้ว แต่จริงๆ พี่เบิร์ดว่าตัวเรายังไหว สบายมากเลย

เวลามีคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดที่ต้องเล่นหลายสิบรอบ แสดงต่อกันเป็นเดือนๆ พี่เบิร์ดเอาพลังมาจากไหนครับ (คอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดที่มีสถิติรอบแสดงสูงสุดคือ แบบเบิร์ดเบิร์ด ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2534 ความสุข ความทรงจำ ไม่มีที่สิ้นสุด เปิดการแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 29 รอบ)
พี่บ้าพลังเหมือนแบกตุ่มหนีไฟตลอดเวลา อวัยวะมันเปลี่ยนที่อยู่กันหมดเลย อันนี้ควรจะอยู่ข้างล่างขึ้นไปอยู่ข้างบน พลังของพี่มันไม่ได้มาจากที่ไหนเลยนอกจากความรัก คนดูก็รักเรา คนทำงานก็รักเรา ทุกคนมาเจอกันตรงนี้ด้วยความรักหมด

ล่าสุดพี่เบิร์ดซ้อมแบบเบิร์ดเบิร์ดแค่เพลง ‘ฝากใจไว้ให้เธอกับฉัน…’ ขึ้นมา พี่น้ำตาหยดติ๋งๆ เลยนะ มันนึกถึงวันที่เราผ่านมาด้วยกัน บางคนอาจจะหายไปแล้ว แต่ความรู้สึกมันยังอยู่ พี่ไม่เคยแข็งแรงกับเรื่องพวกนี้ได้ ทุกวันนี้ก็ยังร้องไห้อยู่

เคยอ่านสารคดีเบื้องหลังภาพยนตร์เรื่อง Memoirs of a Geisha เขาบอกว่า กงลี่รักบทนี้มาก วันสุดท้ายผู้กำกับต้องพาเดินไปรอบสตูดิโออย่างเงียบๆ เพื่อให้กงลี่อำลาตัวละครของเธอ อยากทราบครับว่าเวลาคอนเสิร์ตมาถึงรอบสุดท้ายพี่เบิร์ดรู้สึกอย่างไร
พี่เข้าใจมากๆ พี่ก็เศร้า หัวใจหาย หัวใจหลุดไปเลย ไม่ต้องรอให้วันจบหรอก แค่พี่เดินเข้ามาในวันซ้อม ชีวิตมันเหมือนเพิ่งเริ่ม ชีวิตของเวทีมันมีความสุขมาก มันมีแสงไฟฉาบไปตรงโน้น ฉาบไปตรงนี้ ฉาบไปที่คนดู ทั้งๆ ที่ไม่มีคนดูอยู่ ทำไมมันช่างสวยงาม แต่พอซ้อมเสร็จ พี่เดินกลับมาทางเดิม ทุกอย่างมันเศร้า มันเงียบ พี่รู้สึกเหมือนเรากำลังจะทิ้งเวทีไป ทุกคนคงไม่รู้สึกอย่างพี่เบิร์ด แต่พี่รู้สึกสงสารเขา แล้วพี่ต้องบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน

ปกติเวลาเราทำงานเดิม เราจะมีจุดที่รู้สึกเบื่อ เอียน รู้สึกว่างานที่ทำไม่มีอะไรใหม่ ไม่น่าค้นหาแล้ว ไม่ตื่นเต้นแล้ว พี่เบิร์ดทำงานเดิมมาหลายสิบปี พี่เบิร์ดยังรู้สึกตื่นเต้นกับงานนี้อยู่ไหมครับ
ความตื่นเต้นนี่แหละมันยิ่งกว่าวิตามินใดๆ ทั้งสิ้นในโลกเลย พูดปั๊บมือก็เย็นเฉียบเลยเนี่ย เห็นไหม (ยื่นมือมาให้จับ – เย็นจริงครับ) เวลาพี่เบิร์ดมีคอนเสิร์ต มันคือชีวิตในช่วง 3 เดือนที่มันยิ่งกว่าสงครามโลก ทุกวันนี้พี่ยังตื่นเต้นก่อนหน้า ล่วงหน้า กลัวว่าจะออกไปดีหรือไม่ดี แต่พอพี่ออกไปเพลงแรกปั๊บ ในใจตอนนั้นนี่อย่าให้ใครออกมานะ พี่ฆ่าหมด! (หัวเราะ) เห็นพี่เบิร์ดบนเวทีแบบนั้นมันไม่ได้เดินออกไปได้ง่ายๆ เลย โอ้โห! มันตื่นเต้นจะตาย มันจุกอก มันจะอ้วก มันไม่มีอะไรที่เรารู้สึกชินได้สักอย่าง

พี่สนุกกับงาน แล้วเราก็ต้องให้คะแนนกับตัวเองบ้าง ชมตัวเองบ้าง อย่าด่านักเลย คนที่เราจะต้องเมตตาเป็นคนแรกคือตัวเรานะ และก็ความหวังนี่แหละที่ทำให้ดอกไม้บานได้ ความหวังว่าวันหนึ่งเราจะพาแม่ พาทุกคนไปในที่ที่ดีกว่านี้ ระหว่างที่ทำไปเราจึงมีจุดมุ่งหมาย ดอกไม้มันก็บานได้

อย่างพี่เบิร์ดได้ทำในสิ่งที่รัก แต่ถ้าคนที่ไม่ได้ทำสิ่งที่รัก อาจจะด้วยความที่ไม่รู้ว่าตัวเองรักอะไร อาจจะรู้ตัวอีกทีก็สายไปแล้ว หรือจะเพราะเงื่อนไขบางอย่าง พี่เบิร์ดจะมีคำแนะนำอะไรให้เขาไหมครับ
พี่เบิร์ดว่าอดทนไว้น้อง แล้วก็ทำหน้าที่ตรงนั้นให้มันดีที่สุด หาข้อดีของมันให้เราชอบให้ได้ มันก็เหมือน 10 เพลงในหนึ่งอัลบั้ม มันเป็นไปไม่ได้หรอกว่านักร้องจะต้องชอบทั้ง 10 เพลง เพลงนี้เราไม่ชอบแต่คนดูอาจจะชอบ เราก็ร้องไปเพราะมีคนชอบเพลงของเราอยู่ เพราะฉะนั้นมันต้องมีความเข้าใจติดตัวอยู่ตลอดเวลา คุณพ่อพี่น้อย (นกน้อย-พรพิชิต พัฒนถาบุตร) เคยสอนพี่เบิร์ดเวลามีปัญหาว่า ถ้าเรามีความเข้าใจ 1 ปัญหามา 10 มันก็เหลือ 9 แล้ว ถ้าเผื่อเรามีความเข้าใจตั้ง 5 ปัญหาต่างๆ เหลือแค่ 5 เอง แต่มันยากนะ พี่เบิร์ดถึงพูดว่าต้องฝึกลูก ต้องฝึก

 

เราต้องรู้สึกดีที่ตื่นขึ้นมาแล้ววันนี้จะไปทำงาน วันไหนถ้ารู้ว่าขี้เกียจ พักด่วน ถ้าไม่ได้พัก ทำอะไรก็ได้ที่แปลว่าพัก ล้างมือก็ได้ ถ้าไม่มีเวลา ขี้ก็ได้ หรืออะไรก็ได้ พี่เคยบอก ต้อ-ชรภาส โอภาสพันธ์ ช่างแต่งหน้า เขาบอกว่าหนูเบื่อมาก หนูเกลียดลิปสติก หนูเกลียด พี่เบิร์ดบอกเขาว่า ไม่ได้นะ เราต้องเห็นหน้าคนแล้วอยากแต่งหน้า ฉันกำลังจะทำให้คนสวยขึ้นมา ฉันมีความสุข อย่างนี้มันถึงจะเป็นสไตลิสต์ที่ดีมากๆ งานของพวกเราทุกคนก็เหมือนกัน

 

ฟังอย่างนี้แล้ว เวลาที่เราเหนื่อย เราท้อ เราเบื่องาน ให้กลับมาดูว่างานที่เราทำ มันทำให้คนมีความสุขได้อย่างไรบ้าง ซึ่งงานที่พี่เบิร์ดรักเป็นงานที่ทำให้คนอื่นมีความสุขด้วย มันเป็นงานที่ดีมากเลยนะครับ
มันมาจากสันดานโดยตรงของพี่เบิร์ดเลย คือพี่เบิร์ดชอบเห็นคนมีความสุขมาก ที่สุดของที่สุดของพี่เบิร์ดมันก็เกิดจากครอบครัว เกิดจากพ่อแม่ เกิดจากความรัก เกิดจากความอบอุ่นอย่างเดียว ไม่แฝงกับเงิน เพราะไม่มีเลย ฉะนั้นมันจึงแท้ ติดตัวมาแต่ของแท้ๆ ทั้งนั้นเลย พี่ถึงมีเผื่อให้ทุกคนไม่รู้จักจบ ใครที่ขาดมาเจอพี่เนี่ยก็เต็มกลับไป

 

 

ความรักเวอร์ชัน 4.0

 

พี่เบิร์ดร้องเพลงรักมาเยอะมาก อยากรู้ว่าในฐานะคนที่ใกล้ชิดกับการถ่ายทอดมุมมองความรักมาตลอด พี่เบิร์ดเห็นการเปลี่ยนแปลงของความรักในคนยุค 4.0 ที่ปรากฏในเพลงเป็นอย่างไรบ้างครับ
พี่เห็นว่าความรักมันเปลี่ยนไป ความรักมันหมดชีวิตชีวาไปเยอะ รสของความรักมันก็เปลี่ยนไป มันหมดความสำคัญ อันนี้เราไม่โทษใคร มันอาจจะเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมทำให้เราต้องเร่งรีบตลอดเวลา มันต้องแข่งขัน มันคิดละเอียดอ่อนไม่ได้ คิดมากหรือคิดนานก็ไม่ได้ ต้องรีบจัมป์ๆๆ เพื่อให้ไปถึง ฉะนั้นความละเอียดอ่อนมันหายไป เมื่อเรารู้แบบนี้แล้ว เราก็ต้องเพิ่มเติมความละเอียดอ่อน ให้ความรักกับคนที่เรารัก แม่พี่สอนว่า “ให้คิดถึงวันแรกที่เราเจอกันตลอด” เอาความรู้สึกนี้มาใช้บ่อยๆ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว

เดี๋ยวนี้เราใช้แอปพลิเคชันหาคู่เดตอย่าง Tinder บางทีมันช่วยให้เราแมตช์กับคนที่สนใจเรื่องใกล้เคียงกับเรา บางแอปพลิเคชันแมตช์คนจากสิ่งที่เกลียดเหมือนๆ กัน มันพาเราไปรู้จักกับคนใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น แต่คนโสดก็ยังเยอะอยู่ และการรักษาความสัมพันธ์ก็ยังยากอยู่เลย
พี่เคยเห็นในช่อง Discovery เหมือนกัน หาคู่กันง่ายนะ เดี๋ยวนี้มันเหมือนเข้าไปซูเปอร์มาร์เก็ตเนอะ เลือกได้หมดว่าอยากได้แบบไหน แบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเสียเวลาศึกษา รู้กันเลยว่าฉันไม่ชอบสิ่งนี้ ฉันไม่ชอบอย่างนี้ ก็ทำแต่สิ่งที่ชอบ แต่ อ้าว! แล้วมันจะเซ็งกันเร็วไหมวะ ไม่มีอะไรให้ค้นหา ไม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้หรือค่อยๆ มีเยื่อใยต่อกัน เอาไงดีวะ (หัวเราะ)

พี่เบิร์ดว่าคนเรามันต้องมีเยื่อใย มันต้องรักกัน มันต้องห่างกันไม่ได้ มันต้องอยากพูด มองอะไรก็คิดถึงกัน อยากกุมมือเขา อยากโอบเขา อยากให้เขามาอยู่ตรงนี้ อยากให้เขาได้ยินหัวใจเราเวลากอด อยากเห็นหน้าเขาเวลาเราให้ดอกไม้ อยากทำเซอร์ไพรส์ให้แล้วอยากเห็นเขาดีใจ เหล่านี้มันยังอยู่ในจิตใจของพวกเรา รักกันมันไม่ใช่มีอะไรกันอย่างเดียวไง แบบนั้นเดี๋ยวมันก็เสร็จ แต่เสร็จแล้วยังไงต่อ รักกันต้องมีเยื่อใยกัน

 

 

บทเรียนชีวิตคนอายุ ‘16’


ตอนนี้ผมอายุ 33 แต่ชอบอายุ 30+ มากกว่าตอน 20+ อีกครับ เลยอยากรู้ว่าพี่เบิร์ดอายุ ‘16’ แล้วมีอะไรที่คนอายุ 30+ จะต้องอิจฉาชีวิต ‘16’ ของพี่เบิร์ดบ้างครับ
ดีมาก (หัวเราะ) เหมือนกันเลย พี่ชอบชีวิตตอน 16/60 แบบนี้มากกว่าที่ผ่านมา เชื่อไหมว่าทุกวินาทีของพี่ คนอายุ 30 ต้องอิจฉา เพราะว่าพี่เบิร์ดตื่นเต้นตลอด พี่เบิร์ดแฮปปี้ พี่เบิร์ดทำสิ่งที่มันไม่แฮปปี้ให้แฮปปี้ได้ พี่เบิร์ดแฮปปี้ไม่ยากเลย พี่อยากให้ทุกคนให้ความสุขกับตัวเองแบบไม่ต้องยาก

พี่รู้สึกสงสารหลายๆ คนที่รวยแต่ไม่มีความสุขเลย ต้องไปนู่นต้องไปนี่ถึงจะมีความสุขกัน แล้วก็รวยแค่ต้องยกโทรศัพท์มาดูถึงจะรู้ว่าตัวเองมีเงินเท่าไร ทำไมไม่มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ล่ะ จับอะไรก็มีความสุขได้ ตะเกียบคู่หนึ่งก็คีบอะไรกินได้แล้ว เมื่อคืนนี้พี่เพิ่งพูดกับพี่น้อยเองว่า คนเราก่อนนอนยิ้มให้ได้ ตื่นมาแล้วยิ้ม ก็แค่นั้นเอง ตรงกลางที่เหลือนั้นก็ทำอะไรที่เราอยากทำ แต่สิ่งที่อยากให้ทุกคนทำมากที่สุดก็คือการให้ ชีวิตจะมีความสุขต้องขึ้นอยู่กับว่าชีวิตรู้จักการให้หรือเปล่า

บทเรียนใหม่ที่พี่เบิร์ดเพิ่งได้เรียนรู้ตอนอายุ 16/60 คืออะไรครับ
เพิ่งไม่กี่เดือนมานี้เอง พี่นั่งทานข้าวกับพี่น้อยและก็บอกว่า หน้าที่ของเราเสร็จแล้วนะพี่น้อย คุณพ่อคุณแม่อยู่บนสวรรค์แล้ว ต่อไปคือเราต้องดูแลลูกเราให้ดี พี่น้อยก็งงสิ พี่ก็บอกว่าหมายถึงตัวเรานี่แหละ เราต้องดูแลตัวเองให้เหมือนดูแลลูก เพราะว่าเราจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก

แต่พี่เบิร์ดดูไม่เหมือนคนอายุ 60 เลยครับ
แล้วของพี่ยังเด็ดหมดเลย สวยงาม เขาปั้นมาอย่างดีมาก (หัวเราะ) แต่สิ่งหนึ่งที่พี่คิดว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่บนเวทีแบบเบิร์ดเบิร์ดครั้งหน้าคือลืม อันนี้เต้นไปหรือยังวะ อันนี้พูดไปหรือยังวะ (หัวเราะ)

 

 

ความเติบโตของลูก ความร่วงโรยของพ่อแม่

 

ตอนนี้ผมอายุ 30 กว่าแล้ว ในขณะที่เรากำลังเติบโตขึ้น พ่อแม่ก็ร่วงโรยไปมาก แล้วบางทีมันใจหายนะครับถ้าเราจะต้องคิดถึงวันที่เราไม่มีพ่อแม่อยู่แล้ว ซึ่งมันต้องมีวันนั้นแน่นอน อยากปรึกษาว่าเราจะเตรียมตัวรับมือกับ ‘วันนั้น’ อย่างไร
พี่ผ่านมาหมดแล้ว จำไว้อย่างหนึ่งนะ เวลาของพ่อของแม่เร็วกว่าเรามาก พี่ทำทุกอย่างเพื่อให้ทันเวลานั้นให้ได้ ท่านอยากจะทำอะไรเรารีบทำ ทำเท่าที่เราทำได้ กลับถึงบ้านพี่เห็นแม่หลับ พี่ยังไปกอดแม่เลย พี่คิดว่าผู้หญิงคนนี้นอนคนเดียวมานานแล้วไม่มีใครกอดเลย เราเป็นป๋าให้ก็ได้ เราก็กอดแม่ แกก็ยิ้ม

ตอนพี่เบิร์ดมีเงิน พี่เบิร์ดเอาเงินไปให้แม่ “แม่จ๋า นี่เงินเบิร์ดนะแม่ เบิร์ดให้แม่ครับ” แม่ก็จะมองอย่างช้ามากแล้วพูดว่า “นี่ของแม่อุดมเหรอลูก” แล้วเข้ามากอด แค่นี้เราก็ชื่นใจจะตายแล้ว ปรากฏว่าแม่เอาเงินไปตั้งบนหัว แล้วแม่พูดว่า “ขอให้อยู่กับลูกนานๆ” แล้วคืนเงินมาให้เราอย่างนี้ เรายิ่งทำให้พ่อแม่ เราก็จะยิ่งได้กลับมา

เราเก่งจะตาย ทำทุกอย่างได้ ทำไมทำให้คนที่รักเราไม่ได้ ทำไมทีทำกับแฟนได้ อยู่ไกลขนาดนั้นยังทำได้ อะไรที่ไม่ดีๆ กล้าทำกันนัก แต่สิ่งที่ดีสิ่งที่ควรทำไมไม่ทำ บ้องกะโหลกเลย! พวกเราเก่ง พวกเราคิดได้ ทำได้อยู่แล้ว

ยิ่งพ่อแม่แก่เร็วเราต้องยิ่งเข้าหาเร็ว อย่าปล่อยช่องว่างเยอะ ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะถ่างไปเรื่อยๆ แล้วจะเขิน ถ้ายังมีพ่อแม่อยู่ต้องดูแลท่านนะ

เพราะพอถึงวันนั้นแล้วความรู้สึกผิด ความรู้สึกเสียดายมันจะน้อยลง เพราะในช่วงที่ท่านมีชีวิตอยู่เราได้ทำให้ท่านอย่างดีที่สุดแล้ว

คุณแม่ผมเท่าอายุพี่เบิร์ดเลยครับ เกิดปีเดียวกัน พ.ศ. 2501
แม่อายุเท่าพี่เหรอ เพิ่งรู้ตัว (หัวเราะ) โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! นี่พี่เบิร์ดกำลังนั่งคุยกับลูกพี่เหรอเนี่ย ช่างดีเหลือเกิน อายุ 16 นี่มันดีจริงๆ เลย!

 

 

เมืองไทยในสายตาพี่เบิร์ด

 

คนชอบพูดกันว่า “เมืองไทยก็อย่างนี้แหละ” หรือ “คนไทยก็ได้แค่นี้” หรือมีความรู้สึกเป็นลบเวลาพูดถึงบ้านเมืองตัวเอง พี่เบิร์ดได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตมาทั่วประเทศไทย ได้เห็นประเทศเราในมุมที่คนอื่นอาจจะไม่เคยได้เห็น พี่เบิร์ดมีอะไรเกี่ยวกับคนไทยที่อยากเล่าให้เราฟังบ้างไหมครับ
ใช่ การที่พี่ไปทัวร์ต่างจังหวัดทำให้พี่ได้สัมผัสกับคนไทยและเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ กับพี่มาก พี่ได้เห็นความน่ารักบริสุทธิ์ของคนไทย พี่เบิร์ดเห็นใจคนที่ถูกตัดสินจากภายนอก อย่างพี่เบิร์ดเคยไปภาคใต้ เคยโดนโบกรถ เจอคนเคราเฟิ้ม ดูน่ากลัวมากเลย เขาถามว่าเบิร์ดอยู่ไหน ทุกคนก็กลัว แล้วเขาก็บอกว่าขอหอมเบิร์ด ขอหอมเบิร์ดหน่อย เฮ้ย! เขาขอแค่นี้เอง ขอหอม โอเค พี่เบิร์ดก็ให้หอม เขาก็ไป

สมัยก่อนพี่ไปเล่นที่ลำพูน เชียงใหม่ เจอชาวเขาลงจากเขามาดูเรา มาเพื่อจะเอาหมวกมาใส่ให้พี่ เขาบอกว่าย่าฝากมา หมวกนี่มันกันแดดกันฝนได้ เอาไปให้พี่เบิร์ดนะ พี่เบิร์ดจะได้ไม่เจ็บไม่ไข้ เขาไม่มีพวงมาลัย ไม่มีสตางค์ เขาเลยถอดหมวกมาให้เรา หรือเคยเจอแฟนเพลงจับมือพี่แล้วแหวนพี่ติดมือไป เขายังอุตส่าห์มาคืนอีก พี่ไปเจอความรักที่บริสุทธิ์จากคนไทยแบบนี้ตลอดเวลา

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เชียงใหม่ พี่แห่รถผ่านหน้าร้านชื่อ ร้านช่ออัญชัน เจอคุณแต๋วกวาดหน้าร้านอยู่ นางก็พูดลอยหน้าลอยตาว่า “ฉันอยู่เชียงใหม่มา 20 ปี ไม่มีใครเคยแห่ฉันเลย หล่อนมันเลิศมาก!” (หัวเราะ) พอกลางคืนปั๊บ พี่ก็เล่าในคอนเสิร์ตว่า “วันนี้เบิร์ดไปเจอพี่คนหนึ่ง เขาบอกว่าหล่อนมันเลิศมาก!” สักพักได้ยินเสียง “ดิฉันอยู่นี่ค่า!” มานั่งข้างหน้าเลย (หัวเราะ) โอ๊ย!

ไม่มีประชากรในประเทศไหนในโลกที่จะมีความสุขกับความรักพระเจ้าแผ่นดินเหมือนเมืองไทย โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย แค่พูดถึงในหลวงก็น้ำตามาแล้ว มันปีติเหลือเกิน

พี่เบิร์ดว่าพี่ภูมิใจกับการเป็นคนไทย พี่ว่าเปลี่ยนจากการต่อว่าประเทศไทยมาเป็นการให้ออร่าบ้านเราจะดีกว่า เห็นอะไรก็ช่วยกันพูด ช่วยกันทำ ช่วยกันพัฒนาไป

FYI
  • แบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 11 ตอน DREAM JOURNEY จะจัดขึ้นในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2561 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี
  • เปิดจองบัตรล่วงหน้า EARLY BIRD ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน 2561 นี้ ผ่านทาง www.gmmlive.com หรือ โทร. 0 2669 8846
  • ราคาบัตร 1,500 / 2,000 / 2,500 / 3,500 / 4,000 / 5,000 / 6,000 บาท
  • เฉพาะวีไอพี 6,500 บาท ฟรี BBB GIFT SET LIMITED EDITION
  • เฉพาะบัตรชั้น 3 (1,500 / 2,000 / 2,500 บาท) ซื้อ 6 ใบ จ่าย 5 ใบ
  • ติดตามรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊ก แบบเบิร์ดเบิร์ด
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising