×

เดินป่าท่ายากในอเมริกา เพราะสิ่งที่ต้องพกมาด้วยคือ ‘ดวง’

18.08.2017
  • LOADING...

“นักโบราณคดีประมาณเอาไว้ว่าหินทรายของ The Wave มีมาตั้งแต่สมัยจูราสสิก และถูกกัดเซาะตามกาลเวลาออกมาจนเป็นรูปแบบที่เห็น แต่เพราะมันไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ทำให้ในอดีตที่นี่จึงเป็นเพียงสถานที่ที่ถูกบอกกันปากต่อปาก”

     ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ฝั่งตะวันตกของประเทศ แถบรัฐยูทาห์ และแอริโซนา เป็นอาณาบริเวณที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะนอกจากแกรนด์แคนยอน (Grand Canyon) อันเลื่องชื่อแล้ว บริเวณนี้ยังประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีลักษณะเป็นหินสีแดงในทุกรูปแบบที่นึกออกให้เลือกถ่ายรูปได้ตามใจ – เว้นก็เพียงไม่กี่ที่เท่านั้นเองที่จำกัดจำนวนคนเข้าชมต่อวัน

     หนึ่งในนั้นคือ The Wave ครับ

 

 

ชื่อเสียงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
     หินทรายสีแดงที่มีลายโค้งไปมาเหมือนคลื่นนี้อยู่ทางตอนบนของรัฐแอริโซนาเกือบถึงขอบล่างของรัฐยูทาห์ที่อยู่ติดกัน น่าแปลกที่ชื่อของ The Wave ไม่เป็นที่แพร่หลาย แม้กระทั่งชาวอเมริกันเองบางคนก็ไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ

     นักโบราณคดีประมาณเอาไว้ว่าหินทรายของThe Wave มีมาตั้งแต่สมัยจูราสสิก และถูกกัดเซาะตามกาลเวลาออกมาจนเป็นรูปแบบที่เห็น แต่เพราะมันไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ทำให้ในอดีตที่นี่จึงเป็นเพียงสถานที่ที่ถูกบอกกันปากต่อปาก แต่หลังจากการมาถึงของระบบปฏิบัติการ Windows 7 ที่มีรูปของ The Wave เป็นหนึ่งในภาพพื้นหลังหน้าจอ ที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป และคนก็เริ่มหลั่งไหลกันเข้ามาเยี่ยมชมจนต้องจำกัดจำนวนเหลือเพียง 20 คนต่อวันในที่สุด

 

 

เดินป่าแบบที่ต้อง ‘พกดวง’ มาด้วย

     The Wave แอบซ่อนตัวอยู่ในเขตธรรมชาติที่เรียกว่า Paria Canyon-Vermilion Cliffs Wilderness Area และอยู่ภายใต้การดูแลของ Grand Staircase-Escalante National Monument – อ่านจบแล้วอาจยังไม่เข้าใจเอาเป็นว่าการจะเข้าไปเยี่ยมชม The Wave ได้ ต้องมีใบอนุญาตซึ่งออกโดยเจ้าหน้าที่ แน่นอนว่ามีเพียง 20 คนต่อวันเท่านั้นที่จะได้ไป

     โดย 10 คนแรกจะได้ใบอนุญาตผ่านลอตเตอรี่แบบ ‘online’ ล่วงหน้า 5 เดือน ส่วนอีก 10 คนเป็นลอตเตอรี่แบบ ‘walk-in’ คือต้องไปด้วยตัวเองที่สำนักงานในเมืองคานับ (Kanab) หนึ่งวันก่อนวันจริง ซึ่งไม่ว่าจะเล่นหวยด้วยวิธีไหน ในฤดูร้อนก็พนันได้เลยว่ามีคนเอาดวงเข้าร่วมชิงชัยกับเราอีกหลายร้อยคน

     ทางที่ดีคือหนีมาทดลองความแข็งของดวงในฤดูหนาวที่คนจะบางตา แถมสำนักงานในเมืองคานับหยุดวันเสาร์และอาทิตย์ ทำให้ใบอนุญาตสำหรับวันเสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ จำนวน 30 ใบถูกนำมาแจกจ่ายในวันศุกร์เพียงวันเดียว แต่ถึงอย่างนั้นจากสถิติปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นเดือนกุมภาพันธ์ในวันที่หิมะตก ก็มีคนมาลงชื่อที่สำนักงานมากถึงเกือบ 200 คน

     โดยสถิติแล้ว ในหนึ่งปีจะมีผู้เข้าร่วมลอตเตอรี่สำหรับใบอนุญาตผ่านเข้าชม The Wave ราว 50,000 คนเมื่อนับว่ามีใบอนุญาตเพียง 7,300 ใบแล้ว แปลผลได้ว่าโอกาสการ ‘ถูกหวย’ มีอยู่ราว 14.6% เท่านั้นเอง

 

 

ถูกหวยแล้วยังไงต่อ?

     ถูกลอตเตอรี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่ยากกว่าคือการเก็บอารามดีใจไม่ให้ออกนอกหน้าจนคนข้างๆ อีกหลายสิบชีวิตนั่นหมั่นไส้ต่างหาก

     หลังจากถูกเลือกให้เป็นผู้โชคดี เจ้าหน้าที่จะเรียกคุณไปรับเอกสารและข้อมูลการเดินไปยัง The Wave ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างจากที่หาอ่านได้จากในอินเทอร์เน็ตเท่าใดนัก – จากคานับ ให้ขับรถไปถึงจุดเริ่มต้นเป็นถนนลูกรังที่คาดเดาสภาพไม่ได้ ควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อจากจุดนั้นให้ทิ้งใบอนุญาตครึ่งหนึ่งไว้ที่จุดที่มองเห็นได้ในรถยนต์ อีกครึ่งหนึ่งผูกไว้กับกระเป๋าของคุณ ลงชื่อในสมุดที่จุดเริ่มต้น แล้วเริ่มเดินตามแผ่นพับที่แจกไว้ให้ได้เลย

     ระยะทางไป-กลับราว 9 กิโลเมตรจากจุดเริ่มต้นไปจนถึง The Wave จะไม่มีสัญลักษณ์หรือทางเดิน

ที่ชัดเจน แต่ในแผ่นพับจะมีจุดสังเกตเขียนไว้ให้ทั้งขาไปและขากลับ (พร้อมรูปภาพ) ว่าให้มองหาหินรูปร่างแบบไหน และเดินไปในทิศทางใดเมื่อเทียบกับหินก้อนนั้น ที่สำคัญคือมีพิกัด GPS ระบุไว้ให้ด้วย

     “เคยมีคนหลงทางใน The Wave มาแล้ว ในบริเวณนั้นจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เดินทางด้วย

ความระมัดระวังนะคะ” เจ้าหน้าที่ย้ำอีกครั้งหลังจากเตือนให้เราเตรียมอาหารและน้ำไปให้พอ และหลังจากชำระค่าธรรมเนียมคนละ 7 ดอลลาร์สหรัฐ คุณก็จะได้ไปเหยียบ The Wave ในที่สุด เพียงแค่รอให้วันพรุ่งนี้มาถึง

 

 

ภาพกี่ร้อยใบ ก็ไม่เท่าเห็นด้วยตาตัวเอง

     แน่นอนว่าวินาทีที่คุณเหยียบพ้นเนินสุดท้าย และก้าวขาเข้าไปถึง The Wave เป็นวินาทีที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ภาพกี่ภาพที่เคยเห็นมาจากอินเทอร์เน็ต เทียบไม่ได้เลยกับของจริง ต้องขอบคุณการจำกัดคนต่อวันที่ทำให้ The Wave เงียบสงบและไม่ถูกทำลาย

     แต่นอกเหนือไปจาก The Wave แล้ว บริเวณโดยรอบทั้งระหว่างทางก่อนมาถึง และเมื่อเดินเลย

ออกไปในทิศทางต่างๆ ก็ยังมีทัศนียภาพแปลกตาอีกหลายแบบ ซึ่งคราวนี้ไม่มีข้อมูลจากแผ่นพับในอุทยาน ต้องอาศัยการเดินไปรอบๆ แล้วตรงไหนสวยค่อยหยุดถ่ายรูปเอา

    หลังจากสำรวจบริเวณโดยรอบ และหยุดพักกินอาหารกลางวันแล้ว ผมก็กลับมานั่งมอง The Wave   อีกครั้ง อีกสักพักคงต้องเริ่มออกเดินทางกลับ เพราะต้องเผื่อเวลาเดินและขับรถออกไปให้ทันก่อนที่พระอาทิตย์จะตก

    สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามบันทึกบรรยากาศตรงหน้าเอาไว้ – The Wave ที่เริ่มมีเงาตกกระทบทางด้านซ้าย ลมพัดเอื่อยๆ ที่หนาวจับใจทั้งๆ ที่แดดแรง แล้วก็เสียงพูดคุยกันของเพื่อนร่วมทางว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่เหนือความคาดหมาย

โชคดีเหลือเกินที่ครั้งหนึ่งได้มาอยู่ตรงนี้

FYI
  • ลงทะเบียนลอตเตอรี่แบบ ‘online’ ได้ที่ https://www.blm.gov/az/paria/lotteryapply.cfm?areaid=2
  • หากต้องการนำสุนัขไปด้วย ต้องนับสุนัขเป็นผู้ร่วมเดินทาง 1 คน
  • ถ้าไม่โชคดีขนาดนั้น บริเวณโดยรอบเมืองคานับยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น  Antelope Canyon (ทั้ง Upper และ Lower), Horseshoe Bend, Bryce Canyon National Park และ Zion National Park ซึ่งสามารถขับรถไปถึงได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
  • ในแต่ละปีจะมีช่วงเวลาที่รัฐยูทาห์และแอริโซนามีเวลาที่แตกต่างกัน  หนึ่งชั่วโมง (เพราะยูทาห์มี daylight saving time แต่แอริโซนาไม่มี) ควรตรวจสอบเวลาให้ดีก่อนเดินทาง

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising