×

ประสิทธิผลของวัคซีน Sinovac ในชิลี กันหนัก กันตาย แล้วยังไงต่อ

09.07.2021
  • LOADING...
วัคซีน Sinovac

หลังจากที่วัคซีนโควิดยี่ห้ออื่นทยอยตีพิมพ์ผลการวิจัยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 วัคซีน Sinovac ก็ตีพิมพ์ผลการวิจัยระยะที่ 4 ในวารสารทางการแพทย์ชั้นนำของโลก New England Journal of Medicine โดยเป็นผลการศึกษาประสิทธิผลในประชากร 10 ล้านคนในชิลี ระหว่างวันที่ 2 กุมภาพันธ์ – 1 พฤษภาคม 2564 สามารถสรุปข้อค้นพบที่สำคัญได้ 5 ข้อด้วยกัน ดังนี้

 

1. วัคซีน Sinovac กันหนัก กันตาย

วัคซีน CoronaVac เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ผลิตโดยบริษัทเอกชน Sinovac Biotech ในประเทศจีน วิจัยระยะที่ 1-2 (ความปลอดภัยและการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน) ในประเทศผู้ผลิต จากนั้นวิจัยระยะที่ 3 (ประสิทธิภาพ) ใน 4 ประเทศ ได้แก่ บราซิล ชิลี อินโดนีเซีย และตุรกี ถึงแม้จะผลทั้งหมดจะไม่ได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ แต่ก็ได้รับการประเมินโดยองค์การอนามัยโลกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

 

สำหรับผลการวิจัยในระยะที่ 4 นี้ ประโยคที่ว่า ‘วัคซีนทุกชนิดกันหนักและกันตาย’ ยังคงใช้ได้กับวัคซีน Sinovac คือถึงแม้จะมีประสิทธิผลในการป้องกันอาการป่วย 65.9% แต่ป้องกันการนอนโรงพยาบาล 87.5% ป้องกันการป่วยหนักจนต้องรักษาในไอซียู 90.3% และป้องกันการเสียชีวิต 86.3% ผู้ที่ได้รับวัคซีนนี้ไปแล้วอย่างน้อยก็สบายใจได้ระดับหนึ่งว่าถ้าติดเชื้อก็อาจไม่ป่วยรุนแรง

 

2. วัคซีน Sinovac ต้องฉีดครบ 2 เข็ม

ทั้งนี้ ประสิทธิผลข้างต้นจะต้องฉีดวัคซีน Sinovac ให้ครบ 2 เข็มด้วย เพราะจากการวิเคราะห์ประสิทธิผลเฉพาะวัคซีน ‘เข็มแรก’ พบว่า ป้องกันอาการป่วย 15.5% ป้องกันการนอนโรงพยาบาล 37.4% ป้องกันการป่วยหนักจนต้องรักษาในไอซียู 44.7% และป้องกันการเสียชีวิต 45.7% ซึ่งถือว่าไม่ค่อยดีนัก เมื่อเทียบกับฉีดวัคซีนยี่ห้อเดียวกันแบบครบ 2 เข็ม หรือเมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น

 

ดังนั้นถ้าคาดหวังประโยชน์ของวัคซีน Sinovac ในแง่ของการกันหนัก กันตาย (ถึงแม้จะไม่ 100% เหมือนผลการวิจัยในระยะที่ 3) ผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้วจะต้องฉีดให้ครบ 2 เข็ม และเมื่อฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วยังจะต้องป้องกันตัวเหมือนเดิมจนกว่าจะครบ 5 สัปดาห์ (ระยะห่างระหว่างเข็ม 3 สัปดาห์ + ระยะเวลาสร้างภูมิคุ้มกัน 2 สัปดาห์) แต่คงไม่สามารถคาดหวัง ‘กันหมู่’ หรือสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จากวัคซีนชนิดนี้ได้

 

3. วัคซีน Sinovac ฉีดในผู้สูงอายุได้

ในช่วงแรกที่มีการขึ้นทะเบียนวัคซีน Sinovac ในประเทศไทย ขณะนั้นกลุ่มตัวอย่างในผู้สูงอายุยังน้อยเกินไปที่จะสรุปประสิทธิภาพของวัคซีน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงอนุมัติให้ใช้ในผู้ที่มีอายุ 18-59 ปี ต่อมาเดือนพฤษภาคม ถึงแม้ว่าคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจะเห็นชอบแนวทางการฉีดวัคซีน Sinovac ให้กับผู้สูงอายุได้ แต่ก็ยังมีผู้ที่ไม่มั่นใจประสิทธิภาพในกลุ่มอายุดังกล่าว

 

สำหรับผลการวิจัยในระยะที่ 4 นี้ คณะผู้วิจัยได้วิเคราะห์เพิ่มเติมถึงประสิทธิผลของวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุจำนวน 2.7 ล้านคนด้วย โดยพบว่า ใกล้เคียงกับในทุกกลุ่มอายุ กล่าวคือป้องกันอาการป่วย 66.6% ป้องกันการนอนโรงพยาบาล 85.3% ป้องกันการป่วยหนักจนต้องรักษาในไอซียู 89.2% และป้องกันการเสียชีวิต 86.5% ดังนั้นผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีญาติผู้ใหญ่ที่ได้รับวัคซีน Sinovac ก็น่าจะมั่นใจมากขึ้น

 

4. ยังไม่มีข้อมูลสำหรับสายพันธุ์เดลตา

อย่างไรก็ตาม คณะผู้วิจัยยอมรับว่ามีข้อจำกัดคือเป็นงานวิจัยเชิงสังเกต สังเกตประสิทธิผลของวัคซีนในระดับประชากร จึงอาจมีตัวแปรที่ไม่ได้ควบคุมเหมือนงานวิจัยเชิงทดลอง เช่น พฤติกรรมของผู้ที่ได้รับวัคซีน ทั้งการเข้ารับการตรวจหาเชื้อและการป้องกันตัวเองภายหลังได้รับวัคซีน แต่คณะผู้วิจัยได้วิเคราะห์ผลโดยปรับความเสี่ยงด้วยบางตัวแปรแล้ว ได้แก่ อายุ เพศ โรคประจำตัว ภูมิภาคที่อยู่ และสัญชาติ

 

และอีกข้อจำกัดที่สำคัญคือสายพันธุ์ที่ระบาดในช่วงที่วิจัย ถึงแม้ระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์ของชิลีรายงานว่า เป็นสายพันธุ์แกมมา (28.6%) และอัลฟา (14.8%) แต่คณะผู้วิจัยไม่สามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพแยกรายสายพันธุ์ได้ และไม่มีข้อมูลสำหรับสายพันธุ์กลายพันธุ์อื่น เช่น เดลตา ที่กำลังระบาดในไทย และมีรายงานของวัคซีนยี่ห้ออื่นว่ามีประสิทธิผลต่อสายพันธุ์นี้ลดลง

 

5. ประสิทธิผลไม่เท่ากับวัคซีนยี่ห้ออื่น

ประสิทธิภาพ/ประสิทธิผลของวัคซีนระหว่างยี่ห้อที่วิจัยต่างสถานที่และต่างช่วงเวลา รวมถึงต่างรายละเอียดวิธีการศึกษา ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้โดยตรง แต่อาจนำมาใช้ในการวางแผนจัดหาวัคซีนได้ (ภายใต้การตระหนักถึงข้อจำกัดต่างๆ) โดยก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขของชิลีได้เผยแพร่ประสิทธิผลของวัคซีน Pfizer-BioNTech ซึ่งสำนักข่าว Bloomberg นำมาเปรียบเทียบกันดังนี้

 

  • ป้องกันอาการป่วย 65.9% เทียบกับ 92.6% ของวัคซีน Pfizer-BioNTech
  • ป้องกันการนอนโรงพยาบาล 87.5% เทียบกับ 95.1%
  • ป้องกันการป่วยหนักจนต้องรักษาในไอซียู 90.3% เทียบกับ 96.2%
  • และป้องกันการเสียชีวิต 86.3% เทียบกับ 91.0%

 

จะสังเกตว่า ตัวเลขของวัคซีน Sinovac ต่ำกว่าในทุกด้าน ซึ่งการเปรียบเทียบทำนองนี้ ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย เคยเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ศบค. แล้วเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 และเสนอว่าควร “เร่งรัดจัดหาวัคซีนชนิดอื่น เช่น วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ มาทดแทนวัคซีนชนิดเชื้อตายของบริษัท Sinovac” 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เนื่องจากสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงและวัคซีนที่มีในขณะนี้มีเพียง 2 ยี่ห้อ คือ AstraZeneca และ Sinovac หากถึงกำหนดตามที่จองกับโรงพยาบาลไว้ ควรไปรับการฉีดวัคซีนทันที โดยวัคซีน Sinovac จะต้องฉีดให้ครบ 2 เข็ม เพื่อกันหนักและกันตายก่อน ส่วนในอนาคตก็ต้องเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาวัคซีนอื่นมาฉีดเป็นเข็มที่ 2-3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising