Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงกับผู้ที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ว่า Tesla วางแผนที่จะลงทุนมากถึง 1.2 พันล้านหยวน หรือกว่า 6.3 พันล้านบาท ในโรงงานที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อเดือนมกราคม 2019 เพื่ออัปเกรดอุปกรณ์ หลังคาดว่าจะถึงขีดจำกัดของกำลังการผลิตในปีนี้ แม้ว่าโรงงานแห่งนี้จะมีกำลังการผลิต 450,000 คันแล้วก็ตาม
เอกสารของรัฐบาลเซี่ยงไฮ้สำหรับการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมแสดงให้เห็นว่า Tesla มีแผนที่จะลงทุนในการปรับสายการผลิตให้เหมาะสมที่สุดสำหรับโรงงานแห่งแรกนอกสหรัฐอเมริกา โดยการยกเครื่องจะเกิดขึ้นภายในพื้นที่การผลิตปัจจุบันของโรงงาน และเทคโนโลยีจะยังคงเข้ากันได้กับรถที่ผลิตอยู่ในปัจจุบัน ทั้งรถซีดาน Model 3 และรถสปอร์ตอเนกประสงค์ Model Y
โดยตัวแทนของ Tesla ในจีนกล่าวว่า การลงทุนมีเป้าหมายเพื่ออัปเกรดอุปกรณ์หลักและปรับปรุงเทคโนโลยี และไม่ได้เกี่ยวข้อง ‘โดยตรง’ กับการขยายกำลังการผลิต
Tesla ส่งรถยนต์ประมาณ 350,000 คันจากโรงงานในเซี่ยงไฮ้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ และถึงแม้ว่า Model Y จะเริ่มส่งมอบในเดือนมกราคมเท่านั้น ตลอดจนการระบาดใหญ่และการขาดแคลนชิปทั่วโลกยังคงกดดันต่อการผลิต แต่โรงงานแห่งนี้ก็จัดส่งรถมากถึงเดือนละ 50,000 คัน และใกล้จะถึงจุดสูงสุดของการผลิตแล้ว
เอกสารของรัฐบาลระบุว่า Tesla จะจ้างพนักงานฝ่ายผลิตเพิ่มอีก 4,000 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอัปเกรด โดยจะเพิ่มจำนวนพนักงานทั้งหมดในโรงงาน ซึ่งส่งออกรถยนต์ไปยังยุโรปและเอเชียแปซิฟิกด้วย เป็นประมาณ 19,000 คน ควบคู่ไปกับการอัปเกรดสายการผลิต อาจเพิ่มปริมาณผลผลิตของโรงงานได้อย่างน้อย 10%
ทั้งนี้ ประเทศจีนเป็นกุญแจสู่ความทะเยอทะยานระดับโลกของ Tesla โดยประเทศนี้เป็นที่ตั้งของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงซัพพลายเออร์และผู้ผลิตจำนวนมากอีกด้วย
ภาพ: Xiaolu Chu/Getty Images
อ้างอิง: