ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา self-care กลายเป็นคำที่ถูกใช้บ่อย จนบางครั้งหลงเหลือเพียงภาพสวยๆ แต่ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนชีวิตเราได้จริงแค่ไหน และนั่นคือเหตุผลที่คนจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามกับการดูแลตัวเองแบบเดิม จากรายงานจาก McKinsey ชี้ว่า คนรุ่น Millennials และ Gen Z กำลังเปลี่ยนมุมมอง wellness จากกิจกรรมเป็นครั้งคราวไปสู่ daily, personalized practice การดูแลตัวเองที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวัน และออกแบบตามร่างกายและจิตใจของแต่ละคนจริงๆ
แทนที่จะถามว่า “อะไรฮิต” คนเริ่มถามว่า “อะไรได้ผลกับฉัน”
คุณภาพการนอนถูกมองลึกกว่าการนอนนาน ตัวชี้วัดอย่าง HRV (Heart Rate Variability) ถูกใช้เพื่อเข้าใจความเครียดและการฟื้นตัว การออกกำลังกายไม่ได้เน้นแค่เผาผลาญ แต่ดูความแข็งแรงและความยั่งยืนของร่างกาย ผู้บริโภคเริ่มใช้ข้อมูลจากอุปกรณ์ Wearables (เช่น Oura Ring, Apple Watch) เพื่อวัดค่าทางชีวภาพ (Biometrics) มากกว่าการคาดเดา
Global Wellness Institute ก็สะท้อนทิศทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจ wellness เติบโตต่อเนื่อง โดยหมวด mental wellness ขยายตัวชัดเจน เพราะผู้คนเริ่มมองสุขภาพใจเป็น “ทุนระยะยาว” ไม่ใช่แค่การปลอบใจชั่วคราว การดูแลตัวเองในยุคใหม่จึงไม่ใช่การทำให้รู้สึกดีแค่วันนี้ แต่คือการสร้างระบบที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงในระยะยาว
วัดผลได้ ปรับได้ และไม่ฝืนตัวเอง
บางที self-care ที่มีความหมายที่สุด
อาจไม่ใช่สิ่งที่ดูสวยงามที่สุด
แต่คือสิ่งเล็กๆ ที่เราทำซ้ำได้ทุกวัน
และค่อยๆ ทำให้ชีวิตเราแข็งแรงขึ้นทั้งกายและใจ


