อเล็กซานดาร์ วูซิช ประธานาธิบดีเซอร์เบีย ประกาศภายในที่ประชุมรัฐสภาแห่งชาติ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าขอเดินหน้าสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) ต่อไป หลังจากที่รัฐบาลเซอร์เบียแสดงเจตจำนงนี้มาตั้งแต่ปี 2012 พร้อมย้ำจุดยืนเป็นกลางทางการทหาร (Military Neutrality) ไม่ขอสมัครเข้าร่วมสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) แต่จะยังคงรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันและซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์กับประเทศสมาชิกใน NATO ต่อไป
ปัจจุบันเซอร์เบีย, โคโซโว รวมถึงบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เป็นเพียงไม่กี่ประเทศในแถบบอลข่านที่ไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO
กองกำลังของ NATO เคยเข้าไปมีบทบาทในการแทรกแซงสงครามความขัดแย้งในโคโซโวเมื่อปี 1998-1999 ซึ่งขณะนั้นโคโซโวยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเซอร์เบียอยู่และพยายามที่จะแยกตัวเป็นเอกราช ทางการเซอร์เบียจึงปราบปรามกบฏอย่างหนัก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13,000 ราย และสูญหายอีกนับพันราย โดย NATO ระบุว่า การแทรกแซงดังกล่าวเป็นไปเพื่อป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวแอลเบเนียในโคโซโว ก่อนที่จะสามารถขับกองกำลังเซอร์เบียออกจากโคโซโวได้สำเร็จในท้ายที่สุด
การแถลงจุดยืนในรัฐสภาของผู้นำเซอร์เบียมีขึ้นหลังจากที่มีกระแสข่าวว่าวูซิชจะเดินหน้านำพาเซอร์เบียสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การ NATO โดยวูซิชระบุว่า ประเด็นดังกล่าวไม่เป็นความจริง เซอร์เบียยังคงยึดถือแนวทางความเป็นกลางทางการทหารต่อไป
โดยโคโซโวตัดสินใจประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการในปี 2008 ซึ่งประเทศที่รับรองสถานะดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นประเทศในแถบยุโรป ขณะที่เซอร์เบีย รวมถึงชาติพันธมิตรอย่างรัสเซียและจีน ปฏิเสธที่จะรับรองสถานะความเป็นรัฐเอกราชให้กับโคโซโว และนี่คือหนึ่งในเหตุผลสำคัญว่าทำไมเซอร์เบียถึงเป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย จากกรณีก่อสงครามรุกรานประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครนตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 ที่ผ่านมา
แฟ้มภาพ: Sean Gallup / Getty Images
อ้างอิง:
