วันนี้ (3 กันยายน) รัสเซียประกาศระงับการส่งก๊าซให้ยุโรปผ่านท่อส่ง Nord Stream 1 อย่างไม่มีกำหนด หลังจากที่ได้ระงับการส่งก๊าซไปเมื่อช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุผลว่าต้องซ่อมบำรุงเพิ่มเติม ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อยุโรปที่กังวลว่าอาจไม่มีพลังงานสำรองมากพอที่จะใช้ในช่วงฤดูหนาวนี้
บริษัท Gazprom ของรัฐบาลรัสเซีย เปิดเผยวานนี้ (2 กันยายน) ว่า ทางบริษัทไม่สามารถดำเนินการจัดส่งก๊าซได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากพบการรั่วไหลของน้ำมันที่บริเวณกังหันหลัก และขณะนี้ก็ยังตอบไม่ได้ว่าการซ่อมแซมจะเสร็จสิ้นลงเมื่อใด
อย่างไรก็ตาม บริษัท Siemens Energy ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดูแลกังหันก๊าซของท่อส่ง Nord Stream 1 ออกมาแย้งว่า โดยปกติแล้วการรั่วไหลของน้ำมันไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ถึงขั้นต้องหยุดจ่ายพลังงาน เพราะสถานีคอมเพรสเซอร์ปอร์โตวายา ซึ่งเป็นบริเวณที่พบปัญหาน้ำมันรั่วนั้น มีกังหันก๊าซอื่นๆ ที่ท่อส่ง Nord Stream 1 ยังสามารถใช้งานได้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังวานนี้ รัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศ G7 ลงมติเห็นพ้องที่จะจำกัดราคาน้ำมันส่งออกของรัสเซีย เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงไม่ให้รัสเซียมีเงินทุนสำหรับก่อสงคราม ซึ่งก่อนหน้านี้รัสเซียเคยขู่ว่าจะระงับการจำหน่ายน้ำมันให้กับประเทศที่ใช้มาตรการดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ รัสเซียยังกล่าวโทษว่า มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่ออกมาเพื่อกดดันการรุกรานยูเครนนั้น ขัดขวางการปฏิบัติงานและการซ่อมบำรุงตามปกติของท่อส่ง Nord Stream 1 ด้านยุโรปโต้ว่า คำกล่าวของรัสเซียเป็นเพียงข้ออ้างที่หวังจะใช้ก๊าซเป็นอาวุธโจมตีเศรษฐกิจของยุโรป และปั่นราคาพลังงานในตลาด แต่รัสเซียก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ราคาขายส่งก๊าซพุ่งขึ้นถึง 400% ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2021 ส่งผลกระทบต่อทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนในยุโรป โดยวิกฤตด้านพลังงานที่ยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลในกลุ่มประเทศยุโรปเริ่มกังวลว่า ปริมาณก๊าซสำรองในคลังจะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึง โดยปริมาณก๊าซในคลังสำรองต้องมีไม่ต่ำกว่าระดับ 80% ถึงจะเพียงพอสำหรับการใช้ในช่วงฤดูหนาว แต่ปัจจุบันปริมาณก๊าซในคลังสำรองของกลุ่มสหภาพยุโรปอยู่ที่ระดับเพียง 60% เท่านั้น
แฟ้มภาพ: Stefan Sauer / picture alliance via Getty Images
อ้างอิง:
