×

วิกฤตพลังงานดัน ‘รัสเซีย’ เนื้อหอม นักลงทุนหวังใช้โอกาสราคาน้ำมันพุ่งโกยกำไร

11.10.2021
  • LOADING...
Russia

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาพลังงานที่ปรับตัวพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายประเทศผู้ส่งออกน้ำมันกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักลงทุนทั่วโลกในเวลานี้ โดยเฉพาะ รัสเซีย ซึ่งมีรายงานว่า ค่าเงินรูเบิล แข็งค่ามากกว่าค่าเงินของประเทศอื่นๆ ในกลุ่มตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Market) นับเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางการลงทุนอย่างกะทันหันของนักลงทุนในกลุ่มตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังหันหน้าเข้าหาประเทศกำลังพัฒนาที่ส่งออกพลังงานเป็นหลัก อย่างรัสเซีย เพราะความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจากการผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในจีน และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลรายเดือนตามที่ได้มีการวางแผนไว้

 

Ali Akay ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Carrhae Capital ระบุว่า ราคาพลังงานจะยังคงสูงขึ้น ทำให้บริษัทในประเทศส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันจะได้รับผลประโยชน์มาก เนื่องจากทั่วโลกต่างเร่งจัดหาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก

 

ขณะเดียวกัน ราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นยังกระตุ้นให้ความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อทวีความรุนแรงขึ้นตามไปด้วย โดย The Economic Times รายงานว่า ธนาคารกลางในหลายประเทศทั่วโลกต่างเริ่มหวาดวิตกต่อภาวะเงินเฟ้อสูงที่มีแนวโน้มจะลากยาวกว่าที่คาดการณ์กันไว้ เห็นได้จากการที่ธนาคารกลางส่วนหนึ่งเริ่มผ่อนคันเร่ง เลิกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่นำมาใช้พยุงเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตโรคโควิดระบาด

 

ทั้งนี้ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เตรียมที่จะลดการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ธนาคารกลางในนอร์เวย์, บราซิล, เม็กซิโก, เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ ได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อเรียบร้อยแล้ว  

 

นักวิเคราะห์มองว่า ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นสัญญาณความหวาดกลัวต่ออัตราเงินเฟ้อที่น่าจะลากยาวยืดเยื้อออกไป ท่ามกลางความตึงเครียดของห่วงโซ่อุปทาน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการบริโภคสินค้าที่ฟื้นขึ้นมาหลังหลายประเทศคลายมาตรการล็อกดาวน์ การเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และปัญหาขาดแคลนแรงงาน

 

รายงานระบุว่า ความท้าทายของธนาคารกลางทั่วโลกในขณะนี้ก็คือการเร่งหาสมดุลในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยที่ไม่กระทบต่อตัวเลขเงินเฟ้อ รวมถึงหลีกเลี่ยงภาวะ Stagflation โดยการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อด้วยนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นจะเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ แต่การพยายามกระตุ้นอุปสงค์อาจทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีธนาคารกลางบางส่วน เช่น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ยังคงมาตรการกระตุ้นไม่เปลี่ยนแปลง โดยเชื่อมั่นว่าภาวะเงินเฟ้อน่าจะคลี่คลายลงสู่ตัวเลขเป้าหมายที่กำหนดไว้ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อของประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้วน่าจะปรับลดลงมาอยู่ที่ราว 2% ได้ในไม่ช้านี้

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising