×

ไปเรียนร้องเพลงที่ลอสแองเจลิส, สหรัฐอเมริกา

06.08.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

Time index

01:54 นะนำตัว

02:22 ทำไมถึงไปเรียนร้องเพลง

04:40 ไปเรียนต่างประเทศทั้งๆ ที่อ่อนภาษามาก

07:23 ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้น

09:06 กิจกรรมระหว่างเรียน

14:15 เรื่องชีวิตในแอลเอ

22:26 การไปออดิชั่นงานดนตรี

27:35 การเอาตัวรอดในโรงเรียนทั้งๆ ที่อ่อนภาษา

38:55 คำแนะนำสำหรับคนที่อยากไปเรียนที่แอลเอ

นก-พริมาภา หรือ นก KPN เป็นนักร้องสาวที่เวลาร้องเพลงแต่ละทีนี่คือทุกคนต้องก้มกราบ ล่าสุดไปได้ที่สองของเวทีระดับโลกที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก คนรัสเซียก็ก้มกราบ คือเสียงทรงพลังระดับตัวแม่อย่างนี้หาไม่ได้ง่ายๆ

แต่แล้วทำไมยังต้องยอมเสียเงิน เสียเวลาทำมาหากิน เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนร้องเพลงเพิ่มเติมถึงแอลเออีก

เราพบว่าเรื่องราวของพี่นกสนุกมาก และทำให้เห็นเลยว่า คนที่แน่วแน่กับแพสชั่นของตน จะพยายามทำทุกอย่างให้มันออกมาดีที่สุดแบบนี้นี่แหละ

 


 

01:54

“ดิฉัน พริมาภา กรโรจนชวิน นักร้องยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทยประจำปี 2552 ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว KPN Awards Thailand Singing Contest 2009”

 

02:22

“คุณเก่งแล้วคุณไปเรียนทำไม?”

  • คือจริงๆ แล้วรู้สึกว่ายังไม่เก่ง โดยเฉพาะสไตล์ที่ชอบคือโซลอาร์แอนด์บี
  • เลยตัดสินใจไปเรียนเพิ่มเติมที่เมืองต้นกำเนิดดนตรีแนวโซลอาร์แอนด์บี นั่นคือแอลเอ
  • โปรแกรมที่ไปเรียนต่อคือเรียกว่า Certificate of Performing เป็นโปรแกรม 1 ปี
  • ก็ได้ทุนไป เพราะหมดสัญญากับเคพีเอ็น ก็เข้าไปบอกเจ้านายว่าอยากไปเรียนต่อ ปรากฏว่าเค้าออกค่าเรียนให้เลย
  • แม้จะชนะเลิศด้านร้องเพลงมา แต่ก็ไม่ได้เหลิงอะไร ค่อนข้างอ่อนน้อมตามสไตล์คนเอเชีย เพราะรู้ว่าภาษาอังกฤษของตัวเองง่อยมาก
  • ก่อนจะเข้าโปรแกรมก็ต้องเรียนภาษาก่อน 2 เดือน ซึ่งไม่ได้อะไรเลย เพราะโง่ภาษาจริงๆ
  • ซึ่งความอ่อนภาษานี่เองที่ทำให้เรียนร้องเพลงแทบไม่รู้เรื่องเลย เทอมแรกที่ไปเรียนคือไม่มีเพื่อน เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง หนักเข้าคือสั่งกาแฟได้ชาเขียวแทน
  • เพื่อนคนไทยที่ไปเรียนด้วยกันก็เรียนคนละสาขา ทำให้ต้องเริ่มพูดภาษาอังกฤษ เริ่มมั่นใจขึ้น
  • ซึ่งโรงเรียนนี้มีนักเรียนจากทั่วโลกมาเรียน ทำให้ไม่เกร็ง เพราะหลายคนภาษาแย่กว่าเราก็มี
  • ฝรั่งแอฟริกัน-อเมริกันที่ติดตากันว่าร้องเพลงเก่ง ก็กลับไม่เก่งซะงั้นก็มี
  • เพื่อนๆ เรียกว่า ‘พีเค’ เพราะออกเสียงง่ายกว่าชื่อนก

 

08:19

“พีเคเคยทำครูร้องไห้ ไม่ใช่ซาบซึ้ง แต่เห็นว่าเป็นชะนีเอเชียที่พูดอังกฤษไม่ได้เลย แต่ร้องเพลงดีมาก”

 

  • ตอนเรียนจบก็ได้รางวัล Outstanding ที่เทอมนึงจะมีคนได้ตำแหน่งนี้แค่คนเดียว
  • ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมคลาส ก็มีโดนข่มเหมือนกัน เพราะเรามักจะจ๋องๆ ในห้อง แต่บนเวทีเราฟาดเอาตายนะ
  • ซึ่งก็ไม่ได้คิดจะแข่งอะไร เพราะว่าตั้งใจจะมาเพื่อเรียน
  • ช่วงหลังเพื่อนที่เคยเหยียด เคยหยาม ก็มาขอให้ช่วยสอนเหมือนกัน
  • คติประจำใจที่ได้มาคือเวลาขึ้นเวทีต้องเต็มที่ทุกครั้ง เพราะคนที่มาฟังเราอาจเป็นโปรดิวเซอร์ หรือคนที่มีหน้ามีตาในวงการเพลงก็ได้
  • คำว่า ออดิชั่น เป็นคำติดปากของที่นั่น เพราะการจะแคสต์งานต้องออดิชั่นทุกครั้งไป

11:26

“มันต้องแข่งกับตัวเอง เพราะทุกคนเก่งหมด ทุกคนมีสิทธิ์ได้งานเท่าเทียมกันหมด ไม่มีลูกรัก ได้งานแล้วไม่ใช่ว่าจะได้ไปตลอด”

 

  • เวลาได้ออดิชั่นต้องตอบ yes ไว้ก่อน เพราะตอบ no ครั้งนึง อาจทำให้ชวดงานทั้งหมดได้เลย
  • ก่อนไปคิดว่าอาจได้เที่ยวบ้าง แต่ปรากฏว่าไม่มีเวลาเลย ทำการบ้านก็หมดเวลาแล้ว
  • การฟังเพลงเพื่อทำการบ้านเป็นการฟังเพลงที่เครียดมาก ไม่มีความสุนทรีย์อีกต่อไป
  • วิชา Vocal Performance เรียนวันจันทร์ สอบวันพุธ แปลว่ามีเวลาท่องเนื้อเพลงแค่วันอังคารวันเดียว แทบไม่ได้เงยหน้าออกจากห้องเลย
  • “พาไปเที่ยวหน่อยสิ”

14:15

“ในแอลเอบอกเลยว่าไม่มีที่เที่ยวอะไรเลย”

  • โรงเรียนอยู่ตรงสถานที่ประกาศรางวัลออสการ์ มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก
  • ที่นั่นไม่มีไนท์มาร์เก็ต ไม่มีที่แฮงเอาต์เลย จะไปห้างก็ต้องขับรถ 20 นาที
  • คนที่นั่นใช้อูเบอร์เป็นปกติ เพราะที่จอดรถน้อยมาก
  • รถเมล์ก็มีแต่ไม่สะดวกเท่าที่เมืองไทย
  • ที่นั่นมีคนไทยเยอะ แต่ก็ไม่ควรไว้ใจคนไทยขนาดนั้น
  • มันมีความจุกจิก ขี้อิจฉา ขี้เม้าท์
  • “เล่ามาเลยค่ะ!”

 

17:19

“มีคนพูดให้ฟังว่าคนไทยในแอลเอเนี่ย เห็นคนได้ดีไม่ได้”

  • มีการกลั่นแกล้งกัน เช่น แอบแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐให้มาตรวจสอบร้านอาหารที่หมั่นไส้ ถ้าตรวจพบว่าจ้างแรงงานผิดกฎหมาย ร้านก็จะโดนฟ้อง
  • การไปเรียนก็ไม่สนับสนุนให้ไปทำงานพิเศษ เพราะไม่ถูกกฎหมาย เซฟตัวเองไว้ก่อน
  • ตอนแรกก็ไปอยู่กับเพื่อนคนไทยที่นั่น แต่อยู่ไกลโรงเรียนมาก เลยไปอยู่แค่ช่วงที่เรียนภาษาอังกฤษ พอหลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่โซนไทยทาวน์แทน
  • ที่นั่นมีเหยียดกันเหมือนกันเช่น โฮมเลส เพราะเค้ารู้สึกว่ามีเงินรัฐบาลช่วยเลี้ยงดู ก็ไม่ต้องทำงานก็ได้ แต่เราทำแบบเค้าไม่ได้เพราะเอาทุนเค้ามา เรียนไม่จบอายตายเลย

 

22:26

“เห็นบอกว่ามีออดิชั่นเยอะ ต้องมีได้งานแน่เลย”

  • ไม่ได้เลย เพราะภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง
  • บรอดเวย์ก็ไม่ได้ไปออดิชั่น เพราะเต้นไม่เป็น
  • วงการออดิชั่นศิลปินที่อเมริกาแข่งกันสูงมาก เก่งอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องเฮงด้วย จังหวะต้องได้
  • เคยมีโปรดิวเซอร์มาจีบๆ เหมือนกัน แต่ปรากฏว่าจีบแบบหน้าหม้อซะงั้น
  • ส่วนเรื่องความรักก็เคยมีคนดำมาจีบ แต่อายุห่างกันมาก คือผู้ชายเด็กกว่า
  • ตอนเช็กบัตรประชาชนกันก็ตกใจมาก

 

25:26

“ไม่มีความรักเลยตลอด 1 ปีที่ไปเรียนนี่เครียดมั้ย”

  • ไม่เครียด เพราะตั้งใจไปเรียนจริงๆ วิชาที่เลือกก็ยากมาก เครียดมาก สอบเสร็จก็ไปเที่ยวเลย ไปลาสเวกัส ไปดูโชว์ซิลีน ดิออน

 

26:13

“ที่นั่นมีสิ่งยั่วยุเยอะมาก คุณต้องจิตแข็ง… คุณต้องรู้ว่าจุดประสงค์ของเราในการมาที่นี่คืออะไร”

 

  • เรียนตกไม่ได้ เพราะเอาทุนเค้ามา คนรู้จักก็เยอะ ถ้าเรียนไม่จบก็อาย
  • ตั้งใจเรียนมาก แต่ก็ตกวิชาที่ต้องสอบข้อเขียน
  • ฉะนั้น เลยต้องสื่อสารกับครูว่าภาษาอังกฤษเราอ่อนมาก
  • ที่จำได้แม่นคือวิชา Vocal Technique ที่เรียนเกี่ยวกับสรีระการร้องเพลง เรียนเหมือนหมอเลย ระบบหายใจ ระบบร่างกาย
  • ตอนนั้นสอบข้อเขียน ก็ต้องรอเพื่อนส่งข้อสอบออกจากห้องไปหมดก่อน ค่อยเดินไปถามอาจารย์ว่าคำนั้นคำนี้เขียนยังไง

29:36

“ภาษาอังกฤษเราโง่มาก แต่เราฉลาดในการเอาตัวรอดมาก”

30:07

“แฮปปี้มั้ยที่เลือกไปเรียนที่แอลเอ”

  • เคยไปเล่นฟิตเนสที่นั่น คนที่มาหล่อมาก หล่อทุกคน เพื่อนที่ไปด้วยกันเคยไปเจอพระเอกหนังโป๊ที่นั่น เป็นสังคมของคนเอ็นเทอร์เทนเมนต์จริงๆ
  • ก็เจียดค่าขนมมาเก็บไว้ดูโชว์เหมือนกัน
  • รู้สึกว่าเรียน 1 ปี น้อยไป เริ่มจะชินกับสถานที่กับผู้คนก็จบแล้ว เลยรู้สึกไม่ได้เก่งขึ้นเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือทัศนคติ
  • ที่นี่สอนให้เราเป็น Musician ไม่ใช่ Singer ก็จะมีความรู้ด้านดนตรีมากขึ้น
  • และได้ประสบการณ์ชีวิต เพราะได้เห็นวัฒนธรรม ความคิดต่างๆ ที่ไม่เหมือนที่เคยเห็นเคยเจอ
  • อย่างนึงคือคนที่นั่นไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น
  • ไม่มีใครว่อกแว่กขณะทำงาน แม้แต่ยาม หรือแม่บ้าน ที่สื่อสารรู้เรื่อง ไม่มีเล่นมือถือระหว่างเวลางาน
  • การมาเรียนตอนอายุเริ่มเยอะแล้ว ทำให้เครียดเหมือนกัน ต้องโฟกัส
  • สังคมที่นี่ไม่มีการแบ่งวรรณะชนชั้น ทุกคนเท่ากัน
  • ทำให้เรารู้สึกว่าเราใช้ชีวิตเป็นคนปกติ ไม่เหมือนกับชีวิตที่ไทยที่รู้สึกว่าตัวเองเป็น someone มีรถส่วนตัว มีห้างให้เดิน
  • ที่นี่ ทุกคนเท่ากัน ใช้รถซับเวย์ กินข้าวข้างทาง ทุกคนใช้ชีวิตปกติมาก
  • ทำให้เกิดความคิดว่าชีวิตก็มีแค่นี้เอง
  • เราเลยเกิดความคิดว่าอยากเป็นแบบอย่างให้คนที่เดินตามเส้นทางเดียวกับเรามา

37:38

“เราอยากเป็น someone ที่สร้างตัวจากความมุมานะ ไม่ใช่ทางลัด เพราะมันไม่ใช่วิถีของเรา”

38:55

“แนะนำน้องๆ ที่จะไปเรียนที่แอลเอหน่อย”

  • หนึ่ง ภาษาเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าภาษาอังกฤษดี คุณจะหมดความกังวลข้อใหญ่ๆ ไปเลย
  • สอง การพรีเซนต์ตัวเองเป็นเรื่องปกติของคนที่นั่น ต้องสร้างคอนเน็กชั่น ต้องไนซ์ เพราะเราไม่อาจรู้เลยว่าคนที่เราคุยด้วยเป็นใคร
  • สาม ต้องง่ายๆ เข้าไว้ อย่าไปคาดหวังว่าต้องเจออะไร เจอแฟน เจองาน ของเหล่านี้ถ้าจะมามันมาเอง

 

41:03

“เราต้องรู้ให้แน่ชัดว่าจุดประสงค์ของการมาที่เนี่ย ของเราอะ คืออะไร”

 


 

Credits

 

The Host ธัชนนท์ จารุพัชนี

The Guest พริมาภา กรโรจนชวิน

 

Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข

Episode Producers ภูมิชาย บุญสินสุข

นทธัญ แสงไชย

อธิษฐาน กาญจนพงศ์

ปวริศา ตั้งตุลานนท์

Episode Editor นทธัญ แสงไชย

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Photographer อธิษฐาน กาญจนพงศ์

Music Westonemusic.com

FYI
  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising