ไอด้า-ไอรดา ศิริวุฒิ ฉายาในอดีตของเธอคือ ‘วัยรุ่นเด็กแนว’ ที่แต่งตัวสไตล์จัดจ้านไม่เหมือนใคร แต่ในวันนี้เธอถูกเปลี่ยนฉายาจากคำว่า ‘วัยรุ่น’ กลายเป็น ‘คุณแม่’ ที่ยังคงคาแรกเตอร์เฉพาะตัวเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความเป็นผู้ใหญ่ที่เติบโตขึ้นตามวัย และใช้บทเรียนที่ผ่านมาในชีวิตแชร์ต่อไปให้ถึงคนอื่นที่กำลังเผชิญปัญหาคล้ายกัน
ซินดี้ สิรินยา คุยกับ ไอด้า ไอรดา เรื่องการบาลานซ์ชีวิตและวิธีคิดในการให้อภัย ในรายการ Balanced Mama Podcast
อะไรที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ
เราเป็นคนที่ตัวผอมแบบนี้ตั้งแต่เด็ก และทุกคนในครอบครัวหุ่นจะมาทรงนี้กันหมด เลยไม่เคยสังเกตถึงความผิดปกติของตัวเอง กว่าจะมารู้ว่ามีอาการไทรอยด์เป็นพิษคือตอนที่ตั้งท้องน้องลัลลาเบลแล้ว เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอที่สุด อาการของโรคเลยออกมา ตอนนั้นไอด้าก็กังวลว่ามันจะปลอดภัยกับเด็กในท้องไหม แต่โชคดีที่สุดท้ายลัลลาเบลไม่เป็นไร ติดมาแค่อาการไฮเปอร์ของแม่ คือจะพูดเร็วและทำทุกอย่างเร็วกว่าคนปกตินิดหน่อยเท่านั้น
จริงๆ เราไม่ได้วางแผนล่วงหน้าว่าจะมีลูก แต่มีความเชื่อว่าอะไรที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ เพราะเห็นเพื่อนหลายคนที่ตั้งใจอยากมีลูก แต่ลูกก็ไม่มาสักที กลับกัน ลัลลาเบลมาโดยที่เราไม่ต้องพยายามอะไรมาก แสดงว่าเด็กคนนี้ต้องพร้อมและแข็งแรงที่สุด ดังนั้นไอด้าเลยเชื่อว่าการมีลูกจะให้ผลดีกับชีวิตเราแน่นอน
เลี้ยงลูกด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ของตัวเอง
ไอด้าเหมือนเป็นคุณแม่ที่สามารถเป็นเพื่อนซี้กับลูกได้ ด้วยความที่ยังวัยรุ่นและอาจมีทัศนคติที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่แบบเต็มขั้น การเลี้ยงลูกเลยเกิดจากสัญชาตญาณความเป็นแม่ล้วนๆ เราไม่ค่อยได้ฟังใครมาก เพราะหลายครั้งวิธีที่คนอื่นแนะนำก็อาจใช้ไม่ได้ผลกับลูกเรา เหมือนเราอยู่กับลูกมากพอที่จะรู้วิธีจัดการและรับมือพฤติกรรมต่างๆ ของเขาได้เอง
บางครั้งไอด้าแชร์คลิปวิดีโอลูกออกไปในโซเชียลมีเดียของตัวเอง ด้วยความที่เอ็นดูลูก เห่อลูก แต่มันกลายเป็นดาบสองคม เพราะบางครั้งคนอื่นก็ไม่ได้คิดเหมือนเรา เขาอาจรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ถูกต้องหรือไม่สมควร ไอด้าเลยพยายามอธิบายว่าสิ่งที่เราทำอาจไม่ถูกใจทุกคน แต่ธรรมชาติของลูกเราเป็นอย่างนี้ ถ้าเป็นคำติเพื่อก่อ เรารับฟังเพื่อนำมาปรับปรุงนะ แต่ถ้าเป็นคอมเมนต์ที่ใช้อารมณ์อย่างเดียว เราก็ปล่อยผ่าน ไม่เก็บมาคิดมาก
บริหารเวลาให้พอดีในทุกหน้าที่ที่ต้องทำ
โชคดีที่ก่อนมีลูกไอด้าได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่ามาก พอถึงตอนมีลัลลาเบลเราก็รู้สึกอิ่มตัวไปเอง ไม่ค่อยอยากออกไปเที่ยวกลางคืนแล้ว ยกเว้นโอกาสพิเศษที่นานๆ ครั้งจะไปกับกลุ่มเพื่อน และจะรู้สึกรำคาญเด็กที่ชอบเต้นใหญ่ๆ ทำตัวแรงๆ เหมือนตัวเองสมัยก่อน (หัวเราะ)
ไอด้าว่าชีวิตมันควรจะมีการบาลานซ์เวลา มีช่วงหนึ่งเราเหมือนหายไปจากสังคม อยู่แต่บ้าน ทำงาน เลี้ยงลูก ไม่ออกไปเจอเพื่อนฝูงจนสุขภาพเริ่มแย่ลง พอไปหาหมอ คุณหมอถามมาประโยคแรกเลย ‘เครียดใช่ไหม’ เหมือนลักษณะภายนอกเรามันโชว์อาการออกมาเอง เลยกลับมานั่งคุยกับพี่เบนว่าเราควรจะแบ่งเวลาอย่างจริงจัง มีเวลาไปเที่ยวแบบครอบครัวบ้าง แบ่งเวลาใช้ชีวิตคู่กันสองคนบ้าง รวมถึงออกไปเจอเพื่อนๆ และสังคมภายนอกเพิ่มขึ้นด้วย
ยอมให้อภัยทุกอย่างได้เพื่อลูก
การเลิกรากับสามีตั้งแต่ลูกยังเล็กเป็นสิ่งอาจเกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว อย่างแรกที่เราต้องมีคือสติ ไอด้ายอมรับว่าตอนนั้นตัวเองก็ยังไม่ได้มีวุฒิภาวะมากพอที่จะรับมือกับมันได้อย่างดีที่สุด และเราเคยคาดหวังกับคำว่าครอบครัวเอาไว้มาก พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยมีสติแตกไปบ้างในช่วงแรก แต่พอสุดท้ายกลับมาคิดทบทวนกับตัวเองแล้ว ยังไงลูกต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เชื่อไหมว่าช่วงนั้นมีผู้หญิงที่เจอเหตุการณ์คล้ายเราเข้ามาปรึกษาเป็นร้อยข้อความ ไอด้าบอกทุกคนเลยว่าให้พยายามดึงสติ กลับมาอยู่กับตัวเอง และเอาลูกมาเป็นตัวตั้ง ถ้าคิดถึงลูกก่อน ยังไงสุดท้ายเราจะจัดการปัญหา ลดทิฐิ และยอมให้อภัยได้หมดเพื่อเขา
จริงๆ เราก็ยังมีความรักความห่วงใยให้แอมมี่เหมือนเดิมนะคะ แต่มันแค่เปลี่ยนรูปแบบไปจากสถานะคู่รักมาเป็นเพื่อน เขายังเป็นครอบครัวของเราเหมือนเดิม แต่ก็ต้องคุยกับพี่เบนซึ่งอยู่ในฐานะคนรักใหม่ด้วย โชคดีที่เขาใจกว้างและเข้าใจทุกอย่าง ส่วนกับลูก เราเลือกที่จะพูดกับลัลลาเบลแบบผู้ใหญ่ อธิบายให้เขาเข้าใจทีละสเตป และแบ่งเวลาให้ลูกได้อยู่กับพ่อด้วย ช่วงศุกร์-อาทิตย์ ถ้าแอมมี่ไม่ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ต ลัลลาเบลก็จะไปอยู่กับเขา หรือบางทีถ้าไอด้าว่าง เราก็จะไปด้วยกันหมดเลย
มันมีคนที่เข้ามาคอมเมนต์ประมาณว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่ อยู่กันได้ยังไง อยากบอกพวกเขาว่าไม่ต้องเดือดร้อนแทนเราหรอก เรายังไม่เดือดร้อนเลย มันอยู่ในจุดที่คุยกันจนเข้าใจหมดแล้ว
ผู้หญิงทุกคนไม่ต้องเป็นแบบเดียวกันเสมอไป
ด้วยความที่เรามีนิสัยห้าวๆ เหมือนผู้ชาย ไม่ใช่คนอ่อนหวานโรแมนติก ไม่สามารถจำวันครบรอบหรือโอกาสพิเศษอะไรได้ เลยทำให้เราเฟลเรื่องความรัก และคาดหวังว่าจะได้เจอคนที่เข้าใจในตัวตนที่แท้จริงของเรา
(ซินดี้เสริมในเรื่องนี้ว่าไม่อยากให้มองว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นความคาดหวังที่คนในสังคมส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าผู้หญิงจะต้องเป็นฝ่ายที่อ่อนหวาน ดูแลเอาใจใส่ ซึ่งมันไม่มีสูตรตายตัวว่าคุณจะต้องเป็นแบบนั้นเสมอไป เราอาจได้เจอคนที่ใช่และเข้ากันดีในแบบของเราก็เป็นได้)
บทเรียนสำคัญที่ได้จากการเป็นแม่
ถ้าสมมติวันนี้ไม่มีลัลลาเบล ไอด้าอาจเป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่งที่ทำงานได้เงิน ใช้เงินแต่งตัว แต่พอมีลูก มันทำให้อะไรที่เราไม่เคยแม้แต่จะนึกถึงมาก่อน แต่ในวันนี้เรากลับทำได้ เช่น เรากลายเป็นคนรู้จักประหยัดเก็บเงิน วางแผนอนาคตสำหรับตัวเองและลูก หรือจากแต่ก่อนเป็นคนอารมณ์ร้อน เอาแต่ใจ เรากลับกลายเป็นคนที่ใจเย็นเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกได้
ไอด้าไม่อยากให้ผู้หญิงที่ต้องแยกทางกับสามีคิดว่าตัวเองจะอยู่ต่อไปไม่ได้ เชื่อเถอะว่าทุกคนแข็งแกร่งพอที่จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง เมื่อไรที่รู้สึกอ่อนแอสุดๆ แค่ลองหันไปมองลูก มันจะมีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้งเอง
ติดตาม BALANCED MAMA PODCAST ได้ทางหน้าเว็บไซต์ที่ TheStandard.Co/Podcast หรือถ้าคุณฟังพอดแคสต์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้วย iOS หรือ Android ไม่ว่าจะใช้แอปฯ อะไรฟังอยู่ ใช้แอปฯ นั้นๆ เสิร์ชได้เลยว่า Balanced Mama หรือเสิร์ช THE STANDARD ก่อน แล้วดูลิสต์รายการพอดแคสต์ทั้งหมดในเครือ เมื่อเจอแล้วก็ Follow หรือ Subscribe เอาไว้ได้เลย
Credits
The Host ซินดี้ บิชอพ
The Guest ไอรดา ศิริวุฒนิ
Show Creator ซินดี้ บิชอพ
Episode Producer ปวริศา ตั้งตุลานนท์
Episode Editor นทธัญ แสงไชย
Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ
Coordinator & Admin อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director อนงค์นาฎ วิวัฒนานนท์
Photographer อธิษฐาน กาญจนะพงศ์
Proofreader ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์
Music Westonemusic
