“คำว่า Playroom จริงๆ มันก็แปลได้สองอย่าง อย่างแรกก็คือความหมายแบบผู้ใหญ่ที่เราอาจจะนึกถึงเพลย์รูมของมิสเตอร์เกรย์ในเรื่อง Fifty Shades of Grey อีกความหมายมันก็คือห้องที่เราสามารถมาผ่อนคลาย เวลาที่เรา Work Hard แล้วก็สามารถมา Play Harder ที่เพลย์รูมได้แบบไม่ต้องคิดอะไร” เจย์ แสงสิงแก้ว เชฟและเจ้าของร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง Stage (สตาช) เล่าให้เราฟังถึงไอเดียบาร์ใหม่ของเธอที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของร้านสตาช ที่คุณสามารถมองหาทางขึ้นได้จากบันไดฝั่งซ้ายมือของประตูร้าน ผ่านม่านกำมะหยี่และประตูอีกชั้น ถึงจะพบกับ ‘เพลย์รูม’ แห่งนี้ที่เธอว่า
เราคิดว่าสิ่งที่อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเพลย์รูมได้ดีคือ มันคือบาร์ที่รวบรวมเอาความชอบหลายๆ อย่างของเจย์ไว้ด้วยกัน อย่างแรกคือความรู้สึกผ่อนคลายเวลามาที่บาร์ เธอเลือกนำเสนอความ Cozy อบอุ่นเป็นกันเองผ่านการเลือกทำบาร์ให้เป็นสไตล์สปีกอีซี่ขนาดกะทัดรัด ผสานความเป็นบาร์รัสเซียลงไปในฝั่งของการเลือกเครื่องดื่ม ความชอบในวิสกี้ทำให้ที่นี่มี Selection พิเศษ แรร์ไอเท็มต่างๆ ที่สรรหามาเป็นอย่างดี สุดท้ายคือเพลงแจ๊สที่มาในรูปแบบของดีเจและวงดนตรีสดเวียนสลับกันตลอดทั้งสัปดาห์
The Vibes:
ถ้าเรากำลังอยู่ในบ้านของมิสเตอร์เกรย์จริงๆ ร้านอาหารสตาชก็น่าจะทำหน้าที่เป็นห้องนั่งเล่นรองรับ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเรียบร้อยจากมื้ออาหารจึงได้เวลาของความสนุกในห้องสีแดง ที่ทีมอินทีเรียดีไซเนอร์คู่ใจอย่างบริษัท Paradigm Shift รับหน้าที่ในการสร้าง Playroom ของมิสเตอร์เกรย์ออกมาให้จัดจ้านสมกับในหนังทั้งโทนสีแดง-ดำ เคาน์เตอร์บาร์ที่ออกแบบตามชุดคอร์เซ็ต รวมถึงของตกแต่งที่อัดแน่นไปด้วยโซ่ แส้ กุญแจมือที่มิสเตอร์เกรย์มาเห็นแล้วต้องไม่ผิดหวังแน่ๆ
The Drinks:
นอกเหนือจากดีไซน์จะจัดจ้านแล้ว เครื่องดื่มเคล้าดนตรีแจ๊สคือพระเอกตัวจริงของที่นี่ เริ่มจากค็อกเทลที่ได้ ปาล์ม-ศุภวิชญ์ มุททารัตน์ บาร์เทนเดอร์มากรางวัล และ Group Bar Manager จากเครือ Foodie Collection มารังสรรค์เครื่องดื่มในเล่มนี้ ซึ่งแต่ละตัวเล่นต่อยอดจากเรื่องราวของมิสเตอร์เกรย์อย่างสนุกสนาน เราขอไล่เลียงทีละแก้ว เริ่มจากแก้วสุดแสนรีเฟรชชิ่งอย่าง Mrs.Robinson (400 บาท) แก้วที่ตั้งชื่อตาม Elena Lincoln แฟนเก่าของมิสเตอร์เกรย์ในเรื่อง แก้วนี้เลือกใช้คาโมมายล์เป็นตัวแทนความหอมของผู้หญิง เบสด้วยจิน และสปาร์กลิงไวน์
ต่อด้วย Sitting on the Thorn (400 บาท) ค็อกเทลแก้วสีชมพู ทว่าหวานขมด้วยการหยิบสามส่วนผสมจากคลาสสิกเนโกรนีมาทวิสต์ด้วยกลิ่นกุหลาบและเลมอน เพิ่มความเซ็กซี่ด้วยโลลิป๊อปรูปดอกกุหลาบ
พระเอกของเรื่องอย่าง Mr.Grey (400 บาท) ก็ถูกนำมาตีความเป็นค็อกเทลได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการเลือกใช้คู่ผสมระหว่างเบอร์เบิน เมสคาล และยูซุ นำมาผ่านกระบวนการทำมิลก์พันช์ ทำให้ได้ค็อกเทลสีใสที่คงความจัดจ้านของรสชาติและบอดี้กลางๆ ของนม แก้วนี้เป็นแก้วโปรดของใครได้ง่ายๆ เลย
Manhattan Transfer (440 บาท) แก้วนี้หยิบเอาคลาสสิกค็อกเทลแมนฮัตตันขึ้นมาทวิสต์ด้วยการเลือกใช้ทั้งไรย์และเบอร์เบิน ผสมกับเวอร์มุธทั้งสองสไตล์ รวมถึงเปลี่ยนการเสิร์ฟจากแก้วมาร์ตินีหรือคูป เป็นแก้วร็อกกับน้ำแข็งก้อนโต ค่อยๆ จิบให้น้ำแข็งละลายช้าๆ เพลินไม่น้อย
สุดท้ายด้วยความที่เจย์เล่าให้ฟังแต่แรกว่าเธอชอบคาแรกเตอร์ของบาร์รัสเซีย ที่นี่คุณสามารถเลือกคู่ขวัญวอดก้าคาร์เวียร์ได้เช่นกัน รวมถึง Selection ของแชมเปญที่หลากหลาย ทั้งแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและจากผู้ผลิตรายเล็กที่เธอเลือกสรรค์มาเป็นอย่างดี เช่นกันกับวิสกี้ขวดหายาก รับรองว่าถ้านั่งหน้าบาร์ คุณสามารถมีบทสนทนาเรื่องเหล่านี้กับบาร์เทนเดอร์ได้ไม่รู้จบ
The Dishes:
ปิดท้ายด้วยของว่างอาหารเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่ยังไม่ทานมื้อเย็นหรือต้องการของแกล้ม เพราะไหนๆ ก็เป็นเจ้าของเดียวกับกับสตาชแล้ว เพลย์รูมจึงไม่ได้มีแค่ค็อกเทล แต่มีสแน็กเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณทานแกล้มจากครัวสตาช ทำให้สแน็กของคุณไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มีให้เลือกตั้งแต่ มันฝรั่งทอดในน้ำมันเป็ด Duck Fat Fries (150 บาท) โทส์อูนิและคาร์เวียร์ (400 บาท) รวมถึงหนึ่งในซิกเนเจอร์ของสตาชอย่าง Truffle Hot Dog (380 บาท) หรือ Truffle Rice หน้าเนื้อวากิวส่วน Short Ribs (500 บาท) ทำหน้าที่เป็นมื้อค่ำหนักท้องท่ามกลางบรรยากาศบาร์
หากคุณรักค็อกเทลและดนตรีแจ๊สในระดับที่ใกล้เคียงกัน เช็กตารางนักดนตรีและดีเจรายวันก่อนที่หน้าเพจ https://www.facebook.com/Playroom.Bkk แล้วเตรียมพร้อมสำหรับความผ่อนคลายเป็นรางวัลเล็กๆ น้อยๆ หลังวันทำงานหนักที่นี่ได้เลย
Playroom BKK
Open: ทุกวัน 18.00-00.00 น.
Address: ชั้น 2 ร้านอาหาร Stage (บันไดทางขึ้นอยู่ซ้ายมื้อถัดจากทางเข้าร้านอาหาร) ถนนเอกมัย กรุงเทพฯ
Budget: ค็อกเทลเริ่มต้น 360 บาท
Contact: 08 0278 7808
WEB: https://www.facebook.com/Playroom.Bkk
Map:
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
