อาหารดี ดนตรีไพเราะ สองสิ่งที่หากวนมาบรรจบ จะสร้างความสุนทรีย์จนใครๆ ก็อยากกลับมาอีกรอบ และปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรยากาศภายในร้านก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าร้านนี้จะเป็นเพียงร้านทางผ่านหรือร้านประจำ

ร้านแผ่นเสียงที่ไม่ ‘ธรรมดา’

The Vibe

และเมื่อพูดถึงร้านอาหารอิตาเลียน ไม่แปลกหากคุณจะนึกถึงไวน์และบรรยากาศของบ้านอิฐเก่าหรือห้องเก็บไวน์ บางร้านมีความคันทรีแบบทัสคัน หรือไม่ก็ไฟน์ไดนิ่งจ๋าแบบที่ใส่แค่เสื้อเชิ้ตดูเหมือนจะไม่พอ แต่เอาเถอะ ครั้งนี้รุ่นพี่ที่เรารู้จักแนะนำให้ลองไปชิมรสชาติและฟังเสียงเพลงที่ร้านอิตาเลียนแห่งหนึ่งในซอยเสนาร่วมที่เปิดมากว่า 10 ปี และเมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้แตกแบรนด์ย่อยมาทำคอนเซปต์ร้านอาหารที่ผู้รักในเสียงดนตรีและสะสมเทปคาสเซตต์ต้องตกในภวังค์อย่างแน่นอน

บรรยากาศภายในร้าน เหมือนเดินเข้าไปในร้านวินเทจสักแห่งในอเมริกา

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน Pizza Pazza ได้เปิดประตูต้อนรับคนรักพิซซ่าและอาหารอิตาเลียนให้มาลิ้มลองความอร่อย และได้กลายเป็นหนึ่งในร้านอิตาเลียนในดวงใจของใครต่อใครหลายคน จนกระทั่ง 3 ปีที่แล้ว ได้ไปเปิดสาขาที่ช่างชุ่ย และได้กลับมายังถิ่นเดิมในซอยเสนาร่วมอีกครั้งที่ชั้น 2 ของอาคารเดียวกับ Pizza Pazza แต่มาในคอนเซปต์ที่แปลกใหม่กว่าร้านอาหารแดนมักกะโรนีอื่นๆ เพราะมีความเชื่อมโยงกับเสียงเพลงชนิดที่ว่าแยกไม่ออกว่าอาหารอร่อยหู หรือเสียงเพลงอร่อยปากกันแน่

ห้อง Music Room เคล้าเสียงเพลงและความอร่อย

Pizza Pazza Music Room ห้องนี้มีแต่เสียงเพลงและความอร่อย สัมผัสแรกหลังจากเปิดประตูเข้ามาก็รู้สึกว่านี่มันไม่ใช่ร้านอาหารแน่ๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่เทปคาสเซตต์ แผ่นเสียง และเครื่องเล่นเทปเก่าๆ ที่ส่งกลิ่นอายความขลังและมนต์เสน่ห์ยุค 80-90 จนเราต้องก้มหาอัลบั้มเก่ามาดู เพื่อรำลึกความหวังเมื่อครั้งยังเป็นเด็กหรือวัยรุ่น อัลบั้มเพลงทั้งไทยและเทศตั้งแต่รุ่นปู่ย่าจนถึง Top 50 Chart ยุคปัจจุบัน ซึ่ง คุณเจ-ณัฐพล สว่างตระกูล หรือ เจ คาสเซตต์ช็อป เป็นผู้ทำเพลย์ลิสต์และเลือกอัลบั้มมาเปิดสร้างบรรยากาศให้กับ Music Room ห้องนี้ ทำให้มื้ออิตาเลียนนี้ไม่จำเป็นต้องคลอด้วยเพลงแจ๊สหรืออิตาเลียนดิว่าอีกต่อไป

แผ่นเสียงของสะสมและเทปคาสเซตต์ชวนย้อนรอย

ด้วยความที่เป็น Music Room ของร้านอาหาร การตกแต่งจึงเน้นไปที่เทปคาสเซตต์และแผ่นเสียง ซึ่งเป็นของสะสมของเขา สลับกับเครื่องเล่นเทปและแผ่นเสียง ที่ใครเกิดสนใจก็สามารถกระซิบถามราคาและสอยกลับบ้านไปเปิดฟังเองได้

แขกที่แวะมาฟังเพลงกับเขาที่ Pizza Pazza Music Room จะได้ทั้งกินข้าวเคล้าเสียงเพลงในบรรยากาศสุดชิล และจะมีโอกาสฟังเพลงหลากหลายแนวตั้งแต่เฮฟวีเมทัลไปจนถึงโซลแบบอีสาน และไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงดังหนวกหู เพราะระดับเสียงจะถูกปรับให้เข้ากับบรรยากาศและสภาพอารมณ์ และหากลูกค้าไม่แน่นเกินและครึ้มใจขึ้นมา คุณก็สามารถหยิบตลับเทปที่อยากฟังแล้วให้คุณเจเปิดให้ฟังเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้ และขอบอกว่า คุณเจจะเลือกเพลงเปิดตามคาแรกเตอร์ของลูกค้า แต่ถ้านั่งเฉยๆ ก็อาจจะได้ฟังเพลงที่แกะแนวมาจากคาแรกเตอร์ของคนที่นั่งถัดไปจากโต๊ะของคุณ หรือไม่ก็เพลงจากคาแรกเตอร์ของตัวคุณเองนั่นแหละ แต่เขาจะเลือกเพลง She ของ เอลวิส คอสเทลโล หรือเพลง Macarena ของ ลอส เดล ริโอ ให้คุณ ลองไปหาคำตอบดูไหม

ตับไก่บดสูตรเฉพาะของคุณย่า

The Dishes

สำหรับเรื่องอาหารนั้นใช้ครัวเดียวกับ Pizza Pazza ชั้นล่าง ซึ่งเปิดมาได้เกือบ 10 ปี เพราะฉะนั้นเรื่องของรสชาติจึงไม่เป็นที่กังขา รสชาติอิตาเลียนแบบโฮมมี่ และบางจานก็เป็นสูตรเฉพาะของครอบครัวคุณเจ อย่างเช่น Fresh Pate (170 บาท) ตับไก่บดเนียนนุ่มสูตรลับของคุณย่า ที่ปัจจุบันแกก็ยังเข้าครัวทำด้วยตัวเองทุกขั้นตอน สัมผัสละมุนนุ่มลิ้น ไร้กลิ่นสาบ และรสขม ทากับขนมปังอบร้อนเพียงเท่านี้ก็อร่อยแล้ว

Mixed Salad และ Soup of the Day ของเขาล่ะ

Mixed Salad (L 260 บาท) ผักสดจัดมาเต็มชาม ตามด้วยหมูรมควันที่ม้วนสอดอยู่ระหว่างผักสลัด เพิ่มรสเปรี้ยวหวานแบบธรรมชาติมะเขือเทศ และความครีมมี่กับนุ่มหนึบของชีสสดมอสซาเรลลา คลุกเคล้ากับเดรสซิ่ง แล้วกินทุกอย่างพร้อมกัน ความสดของผักกับหมูรมควันเอาใจเราไปได้เลย

เป็นธรรมดาของร้านอาหารยุโรปที่จะต้องมีซุปในมื้ออาหาร Soup of the Day (95 บาท) ของที่ร้านจะเปลี่ยนรสชาติไปเรื่อยๆ แต่ที่ขายบ่อยสุดเห็นจะเป็นซุปผักโขมชามนี้ ที่นำผักโขมสดมาปั่นแล้วผสมกับครีมและเครื่องปรุงสูตรเฉพาะ จนได้ซุปสีเขียวข้น และเราเช่ือว่า ป๊อปอายจะต้องกดถูกใจสิ่งนี้

โบโลญเนสหมูโรยชีส

เอาล่ะ พาสต้าก็ต้องสั่ง แต่มีหลายประเภทหลากรสชาติเสียเหลือเกิน ถ้ายังไม่รู้จะสั่งอะไรดี เราแนะนำให้ลองพาสต้าที่พื้นฐานที่สุด เปรียบเทียบกับไทยแล้วคงเหมือนข้าวราดกะเพราไก่ไข่ดาว เพราะเจ้าพาสต้าจานนี้คือเมนูเบสิกของคนอิตาเลียนจริงๆ กับ Pasta Bolognese (230 บาท) เส้นสปาเกตตีราดซอสโบโลญเนสหมู โรยหน้าด้วยชีสพาร์เมซาน

สเต๊กเนื้อ ‘มังกร’

ระหว่างที่พลิกดูเมนู เราสะดุดตาชื่อ Dragon Steak (380 บาท) เอ๋…นี่มันสเต๊กเนื้อมังกรจริงเหรอ ด้วยชื่อเมนูติดตลกและกวนนิดๆ จานนี้คือสเต๊กลิ้นวัว ซึ่งได้ไอเดียมาจากสตูว์ลิ้น แต่นำมาทำและปรุงให้เหมือนอย่างสเต๊ก และแน่นอนว่า ลิ้นกระทบลิ้นสัมผัสถึงความนุ่มและชุ่มฉ่ำที่มาจากตัวลิ้นวัวและเกรวี่ซอส ไม่ต้องกลัวเลี่ยน เพราะในจานมาพร้อมมะเขือเทศกับหอมใหญ่ย่างไว้กินตัดรสชาติกัน

Jewel Pizza 

และอย่าลืมไฮไลต์ประจำร้าน Jewel Pizza (M 495 บาท) พิซซ่าแป้งบางกรอบหน้าแซลมอนรมควันกับไข่ปลาแซลมอน และยังมีมอสซาเรลลาชีส มาสคาร์โปเนชีส ผักชีลาว เคเปอร์ หอมแดง วาซาบิ และครีมไข่กุ้งเป็นตัวเสริมรสชาติ ไซส์ M ทานได้ 3 คน อิ่มกำลังดี แต่ถ้าอยากสั่งแบบฮาล์ฟกับพิซซ่าหน้าอื่น ก็สามารถทำได้เช่นกัน

What You Should Know:

• นอกจากการเป็นร้านอาหาร ที่นี่ยังเป็นร้านขายเทปคาสเซตต์และแผ่นเสียงไวนิล รวมถึงเครื่องเล่นเทป และให้คำแนะนำในการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และยิ่งไปกว่านั้นคือ ทุกอย่างในร้าน หากถูกใจก็กระซิบถามราคาได้เลย!
• หากลูกค้าไม่เยอะ คุณสามารถเดินไปหยิบเทปหรือไวนิลที่ชอบ เพื่อให้ทางร้านเปิดให้ฟังได้ทันที
• รับออร์เดอร์อาหารสุดท้ายเวลา 21.00 น. หลังจากนั้นจะมีแต่เครื่องดื่ม
• จะมาเดินย้อนอดีตเลือกเทปคาสเซตต์เพลินๆ อย่างเดียวก็ได้ คุณเจก็ยินดีต้อนรับ

Pizza Pazza Music Room

Open: เปิดบริการทุกวัน ยกเว้นอังคาร เวลา 17.00-24.00 น.

Address: ซอยพหลโยธิน 11 (เสนาร่วม) กรุงเทพฯ

Budget: 400-1,000 บาท

Contact: โทร. 09 8892 9946

Website: www.facebook.com/pizzapazzamusicroom

Map: