วันนี้ (24 ธันวาคม) ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์กรณีการพิจารณาคุณสมบัติเข้ารับตำแหน่งประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังมีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า กิตติรัตน์ ณ ระนอง ไม่ผ่านคุณสมบัติเข้ารับตำแหน่งประธานบอร์ด ธปท. โดยระบุว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกายังอยู่ระหว่างหารือ และยังไม่มีข้อสรุปหรือมติใดๆ ไม่รู้ว่าข่าวมาจากไหน พรุ่งนี้ (25 ธันวาคม) ยังต้องประชุมกันอีก คาดว่าน่าจะจบ
ปกรณ์กล่าวว่า สิ่งที่คณะกรรมการกฤษฎีกาต้องดูมี 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ ตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ซึ่งมีการสอบถามมายังกฤษฎีกาว่าทั้ง 2 ตำแหน่งนี้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่
ปกรณ์กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าหากเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอย้ำว่าเป็นความเห็นส่วนตัว อย่าเพิ่งเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ช่วงเช้าที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศถึงกับอีเมลมาถามตน ก็ตอบไปว่ายังพิจารณาอยู่
“ข้าราชการการเมืองตามระเบียบข้าราชการการเมืองคือตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ไม่มีคำว่าของ แต่ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน จึงต้องไปดูว่าเขามีพฤติกรรมหรือการกระทำอะไรที่ไปยุ่งเกี่ยวกับทางนโยบายหรือไม่ ถ้าโดยทั่วไปที่ปรึกษาของนายกฯ เขาไว้ใช้พิมพ์นามบัตร มันไม่ใช่ดูเฉพาะถ้อยคำ” ปกรณ์กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า เป็นตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ปกรณ์กล่าวว่า แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ข้าราชการการเมืองเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คล้ายกับว่ามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายแล้วหน่วยงานก็นำไปปฏิบัติ ซึ่งถ้าเป็นแค่ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีอะไร และเราก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงในรายละเอียด เพราะขณะนี้กฤษฎีกากำลังตีความอยู่ว่าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ แต่ยืนยันว่าตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ข้าราชการการเมืองแน่ๆ
ปกรณ์ยอมรับว่า ที่ผ่านมาสำนักงานเศรษฐกิจการคลังสอบถามมายังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อหารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับคุณสมบัติในการแต่งตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ