×

‘ขายของออนไลน์-ยูทูเบอร์-อินฟลูเอ็นเซอร์’ ต้องเสียภาษีอย่างไร? หลัง ‘สรรพากร’ ตั้งทีมรีดภาษี-ไล่ต้อนเข้าสู่ระบบ

13.02.2023
  • LOADING...

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ยูทูเบอร์ และอินฟลูเอ็นเซอร์ ต้องเสียภาษีอย่างไร? หลัง ‘สรรพากร’ ตั้งทีมรีดภาษี ประกาศเร่งไล่ต้อนผู้มีเงินได้จากช่องทางออนไลน์เข้าสู่ระบบ หลังจากเปิดเผยว่า 2 ปีที่ผ่านมาสามารถดึงผู้ประกอบการในส่วนนี้เข้าสู่ระบบได้มากกว่า 1 แสนรายต่อปี

 

สัปดาห์ที่ผ่านมา ลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในปี 2566 กรมสรรพากรจะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้มีรายได้สูง แต่ยังเสียภาษีไม่ถูกต้อง หรืออยู่นอกระบบ อย่างผู้ค้าขายออนไลน์ ยูทูเบอร์ และอินฟลูเอ็นเซอร์ ผ่านการตั้งกองสำรวจและติดตามธุรกิจนอกระบบ หลังจากช่วงปีงบประมาณ 2564-2565 กรมสรรพากรสามารถต้อนผู้ประกอบการในส่วนนี้เข้าสู่ระบบภาษีได้มากกว่า 1 แสนรายต่อปี

 

โดยอธิบดีกรมสรรพากรยังกล่าวเชิญชวนให้ผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้เข้ามาจดทะเบียนให้ถูกต้อง พร้อมยืนยันว่าเรื่องภาษีไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว และกรมสรรพากรพร้อมที่จะประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเสียภาษีตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และย้ำว่าการเสียภาษีไม่ถูกต้องและไม่เสียภาษีมีต้นทุนแพงกว่าการเสียภาษีด้วยซ้ำ

 

ทั้งนี้ สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ยูทูเบอร์ และอินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

 

‘ขายของออนไลน์’ เสียภาษีอย่างไร?

 

สำหรับผู้ค้าขายทางออนไลน์จำเป็นต้องรู้จักภาษี 2 ประเภทสำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อไม่ให้มีปัญหาถูกประเมินภาษีย้อนหลัง

 

ภาษีเงินได้บุคลลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับ ‘การขายของออนไลน์’

 

โดยปกติรายได้ที่รับส่วนนี้มักจะอยู่ในรูปแบบซื้อมาขายไป ซึ่งถูกจัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ 40 (8)) โดยสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 ทาง ได้แก่

 

  1. การเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่าย เพราะกฎหมายให้สิทธิเหมาจ่ายตามยอดขายที่เกิดขึ้นในอัตรา 60% ของยอดขาย
  2. การเลือกหักตามค่าใช้จ่ายจริง ซึ่งต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่ายในการยื่นภาษีด้วย

 

ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้องกับ ‘การขายของออนไลน์’

 

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ยอดขายเกิน

 

เมื่อจด VAT แล้ว ผู้ประกอบการต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% จากผู้บริโภค โดยคำนวณจากมูลค่าสินค้า แล้วนำส่งให้กรมสรรพากรอีกที โดยต้องยื่นภาษีเป็นรายเดือน ซึ่งเรียกว่า ภ.พ.30 ด้วย

 

‘ยูทูเบอร์-อินฟลูเอ็นเซอร์’ ต้องเสียภาษีอย่างไร?

 

สำหรับยูทูเบอร์-อินฟลูเอ็นเซอร์ในประเทศไทยเป็นอาชีพที่ต้องเสียภาษีไม่ต่างจากอาชีพอื่นๆ แต่เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายกำหนดเกี่ยวกับการเสียภาษีของยูทูเบอร์โดยตรง ยูทูเบอร์ในไทยจึงต้องเสียภาษีแยกตามประเภทรายได้ต่างๆ แทน เนื่องจากยูทูเบอร์และอินฟลูเอ็นเซอร์สามารถมีรายได้จากหลายช่องทาง เช่น ส่วนแบ่งค่าโฆษณาจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย การรับจ้างรีวิวสินค้า รับจ้างโชว์ตัว และการขายสินค้า

 

ขณะที่ผู้ที่มีรายได้ประจำ หรือมนุษย์เงินเดือนที่ใช้เวลาว่างเป็นยูทูเบอร์หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ด้วย ก็ต้องนำรายได้ทั้งหมดมารวม และคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย

 

ประเภทรายได้และภาษีที่ต้องจ่ายสำหรับยูทูเบอร์

 

  • รายได้จากส่วนแบ่งค่า ‘โฆษณา’ จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ 40 (8)) โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายตามจริง แต่ต้องมีหลักฐานใช้จ่ายครบถ้วน

 

  • รายได้จากยอดชม (View) และยอดผู้ติดตามบนช่อง จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ 40 (8)) ที่สามารถหักค่าใช้จ่ายตามจริง ต้องมีหลักฐานใช้จ่ายครบถ้วนเช่นกัน

 

  • รายได้จากการรับจ้างรีวิวสินค้าหรือสปอนเซอร์ในคลิปหรือคอนเทนต์ต่างๆ นับเป็นรายได้ที่มาจากผู้ว่าจ้างและเป็นการทำงานแลกเงินตามปกติ จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 (เงินได้ 40 (2)) จึงจะถูกหักแบบเหมา 50% แต่สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท 

 

  • รายได้จากการรับจ้างโชว์ตัว ก็นับเป็นรายได้ที่มาจากผู้ว่าจ้างและเป็นการทำงานแลกเงินตามปกติ จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 (เงินได้ 40 (2)) จึงจะถูกหักแบบเหมา 50% แต่สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท

 

  • รายได้จากการขายสินค้าและบริการ หรือที่ซื้อมาขายไป จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ 40 (8)) คือรายได้จากการค้าขาย สำหรับร้านค้าที่ผลิตสินค้าเอง ให้หักค่าใช้จ่ายตามจริง แต่ถ้าสินค้าที่รับซื้อมา ให้หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60%

 

‘พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์-ยูทูเบอร์’ รายได้เท่าไรถึงต้องเสียภาษี?

 

สำหรับยูทูเบอร์ที่ไม่ได้จดบริษัทเป็นนิติบุคคล จะคำนวณภาษีในรูปแบบบุคคลธรรมดา กล่าวคือ ต้องยื่นภาษีเมื่อมีรายได้ทั้งปีถึง 1.2 แสนบาท และหากรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายตามประเภทของเงินได้ และหักค่าลดหย่อนส่วนตัวแล้ว หรือเงินได้สุทธิเกิน 1.5 แสนบาท ต้องเสียภาษี

 

ส่วนผู้ขายของออนไลน์จำเป็นต้องยื่นแบบเสียภาษีเมื่อรายได้เกิน 60,000 บาทต่อปี


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising