×

คปภ. รับคำขอเลิกกิจการของอาคเนย์และไทยประกันภัย พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพื่อพิทักษ์ประโยชน์ผู้บริโภค

29.01.2022
  • LOADING...
คปภ. รับคำขอเลิกกิจการของอาคเนย์และไทยประกันภัย

อดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกฎหมายและคดี สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มีหนังสือยื่นคำขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยนั้น บอร์ด คปภ. ได้มีมติให้รับคำขอเลิกประกอบธุรกิจของทั้งสองบริษัท พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพื่อพิทักษ์ประโยชน์ผู้บริโภค ให้ปฏิบัติให้แล้วเสร็จ ก่อนพิจารณาว่าจะอนุญาตให้เลิกกิจการหรือไม่ โดยในระหว่างนี้บริษัททั้งสองยังต้องดำเนินการประกอบธุรกิจตามปกติ โดยประชาชนยังสามารถยื่นเคลมประกันภัยได้

 

สำหรับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลา ที่บริษัททั้งสองต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายมีดังนี้ 

 

1. วิธีจัดการหรือการโอนภาระผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยทุกประเภทที่ยังมีผลผูกพันอยู่ไปยังบริษัทประกันภัยผู้รับโอน ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้

    

 1.1 ให้บริษัทผู้ขอเลิกกิจการแจ้งรายชื่อบริษัทที่จะรับโอนกรมธรรม์ประกันภัยให้สำนักงาน คปภ. พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน

     

1.2 สิทธิประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทที่รับโอนไปต้องเท่ากับหรือไม่ด้อยกว่าสิทธิประโยชน์ที่ได้รับความคุ้มครองตามผลผูกพันของกรมธรรม์ประกันภัยเดิม

 

2. ช่องทางและวิธีการบอกกล่าวฯ ให้ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย และผู้มีส่วนได้เสีย ทราบและใช้สิทธิตามกฎหมาย จะต้องเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การบอกกล่าวเจ้าหนี้อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามมาตรา 350 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

 

3. การโอนหรือการขอรับเงินสำรองตามมาตรา 23 (1) ที่บริษัทประกันภัยวางไว้กับนายทะเบียน ตามมาตรา 24 จะกระทำได้ต่อเมื่อ

    

3.1 บริษัทได้โอนภาระผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังมีผลผูกพันอยู่ และมีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวผู้รับประกันภัยเสร็จสิ้นแล้ว

    

3.2 บริษัทประกันภัยสามารถแสดงหลักฐานให้เห็นว่าไม่มีหนี้สินหรือภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัยแล้ว

           

4. ให้บริษัทผู้ขอเลิกกิจการดำเนินการดังต่อไปนี้

    

4.1 แสดงแผนงานรายละเอียดของการจัดการทรัพย์สินและหนี้สินทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับกิจการประกันวินาศภัยและกิจการที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการตามมาตรา 28 ให้สำนักงาน คปภ. ทราบ

    

4.2 ต้องจัดการทรัพย์สินและหนี้สินตามข้อ 4.1 ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในข้อ 5 และในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ บริษัทต้องโอนทรัพย์สินและภาระผูกพันไปยังผู้รับโอน โดยแสดงหลักฐานว่าผู้รับโอนยินยอมรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวด้วย

   

4.3 รายงานผลการดำเนินการตามข้อ 4.2 ให้แก่สำนักงาน คปภ. ทราบ

 

5. ระยะเวลาของการดำเนินการให้เป็นไปตามที่สำนักงาน คปภ. ร่วมกับบริษัทกำหนด ทั้งนี้ ให้บริษัทแจ้งให้สำนักงาน คปภ. ทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการพิจารณาจากคณะกรรมการ คปภ.

 

ส่วนประเด็นที่บริษัททั้งสองขอให้กองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้เข้ามาอำนวยการที่เกี่ยวข้องกับการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัทนั้น คปภ. เห็นว่าตามมาตรา 79 บัญญัติให้กองทุนประกันวินาศภัยมีหน้าที่คุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย ในกรณี ‘บริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย’ และเพื่อ ‘พัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยให้มีความมั่นคงและเสถียรภาพ’ แต่ไม่รวมกรณีบริษัทขอเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยเอง จึงไม่สามารถเข้ามาดำเนินการในขั้นตอนการเลิกประกอบธุรกิจตามคำขอของทั้งสองบริษัทดังกล่าว

 

อดิศรกล่าวว่า ขั้นตอนต่อไป คปภ. จะได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาคำขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย รวมทั้งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแก่ทั้งสองบริษัท หลังจากนั้นจะจัดประชุมร่วมกับบริษัทเพื่อทำความเข้าใจและดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการเลิกกิจการตามมาตรา 57 ทั้งนี้ ในระหว่างที่บริษัทยังไม่ได้รับอนุญาตให้เลิกกิจการจากคณะกรรมการ คปภ. บริษัทยังต้องประกอบธุรกิจตามปกติ ดังนั้นผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทได้เช่นเดิม

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising