×

ธปท.-ก.ล.ต.-คปภ.-สคส. ร่วมเซ็น MOU ยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของภาคธุรกิจการเงินไทยผ่านกฎหมาย PDPA

28.04.2022
  • LOADING...
ธปท.-ก.ล.ต.-คปภ.-สคส. ร่วมเซ็น MOU

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของภาคธุรกิจการเงิน

 

โดย MOU ดังกล่าวจะเป็นความร่วมมือของ 4 องค์กร ในการดูแลให้นโยบายและกรอบการกำกับดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีความสอดคล้องและมีกระบวนการในการกำกับดูแลที่สอดรับกัน รวมถึงให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดระหว่างกัน ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรในภาคการเงินและให้ความรู้แก่ผู้ใช้บริการทางการเงิน เพื่อให้การปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของภาคการเงิน เป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างแท้จริง

 

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของภาคธุรกิจการเงินในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากเพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์ต่อภาคประชาชนในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และในขณะเดียวกันเพื่อไม่ให้เป็นการสร้างภาระเกินสมควรแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานกำกับดูแลภาคธุรกิจการเงิน

 

ชัยวุฒิกล่าวว่า พ.ร.บ.ครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ พ.ร.บ. PDPA ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 จะเป็นกลไกสำคัญทำให้ประชาชนสามารถรับทราบวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บ การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างชัดแจ้ง และมีสิทธิต่างๆ ที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของตน ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนมีมาตรฐานการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้สามารถดำเนินการและทำธุรกิจเกี่ยวกับข้อมูลได้อย่างมั่นใจว่าถูกต้องตามกฎหมาย

 

ขณะเดียวกันจะช่วยให้ประเทศไทยมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สอดคล้องหลักการสากลและได้รับการยอมรับในการทำธุรกิจการค้าจากนานาชาติ รวมทั้งสามารถสร้างสังคมที่เข้มแข็ง เนื่องจากสามารถตรวจสอบการดำเนินงานภาครัฐและภาคธุรกิจเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความถูกต้องและเหมาะสมได้

 

เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า “การสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพื่อสนับสนุนการพัฒนาภาคการเงินเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะในระยะต่อไปที่ ธปท. มีนโยบายที่จะปรับภูมิทัศน์ในภาคการเงินให้เปิดกว้างขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจการเงินนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาต่อยอดการให้บริการ ควบคู่ไปกับการดูแลความเสี่ยงและการมีธรรมาภิบาลของการใช้ข้อมูลที่สอดรับกับเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

 

ความร่วมมือครั้งนี้จึงช่วยให้การกำกับดูแลและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของภาคการเงินมีความสอดคล้องกัน ไม่ทับซ้อน ช่วยลดภาระหรือต้นทุนให้แก่ทั้งผู้ประกอบธุรกิจและประชาชน สามารถนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาภาคการเงินและสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างราบรื่น

 

รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. ให้ความสำคัญเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและส่งเสริมหน่วยงานในตลาดทุนมีพร้อมในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มาโดยตลอด พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดทำแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละกลุ่มธุรกิจในตลาดทุน ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความชัดเจนในทางปฏิบัติ 

 

ทั้งนี้ จากการสำรวจความพร้อมของผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลเมื่อเดือนมีนาคม 2565 พบว่า ผู้ประกอบธุรกิจมีความตื่นตัวในด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและได้ดำเนินการตามข้อกำหนดต่างๆ ไปมากกว่า 90% แล้ว โดยส่วนใหญ่มั่นใจว่าจะแล้วเสร็จก่อน พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีผลใช้บังคับ ทำให้ ก.ล.ต. เชื่อมั่นว่าความร่วมมือของ 4 องค์กรในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในภาคการเงินและสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานเทคโนโลยี รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ

 

สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า ธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่มีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประกอบการดำเนินธุรกรรม ไม่ว่าจะเป็นการนำข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้สนับสนุนการพิจารณารับประกันภัย การปฏิบัติตามสัญญาประกันภัย และการให้บริการลูกค้า สำนักงาน คปภ. จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบริหารจัดการการได้มาและการปกป้องข้อมูลของลูกค้า ทั้งข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปและข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของธุรกิจประกันภัย 

 

โดยล่าสุด สำนักงาน คปภ. ได้เตรียมความพร้อมสำหรับภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ การออกแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันวินาศภัยและผู้ประเมินวินาศภัย การประเมินความพร้อมในด้านองค์กร ด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย และด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัย รวมถึงการสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับภาคธุรกิจประกันภัย 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising