ป.ป.ช. จ่อเรียก ‘ประวิตร’ แจงนาฬิกา-แหวนเพชร วัชรพลไม่หนักใจ ตรวจสอบอดีตเจ้านาย

การยกมือบังแดดของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันถ่ายภาพหมู่ ครม. ประยุทธ์ 5 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นร้อนแรงยิ่งกว่าแสงแดดเวลานั้น เมื่อมีผู้สงสัยในนาฬิกาข้อมือและแหวนเพชรซึ่งมีมูลค่าสูง แต่ทว่าไม่พบในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำไปสู่คำถามว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร

ล่าสุด พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. ได้รับรายงานของสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมืองแล้ว โดยสำนักงานฯ ได้เสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ครอบครองนาฬิกาและแหวนเพชรตามที่เป็นข่าวว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่ได้ปรากฏอยู่ในรายงานการแสดงบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2557 ซึ่ง ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าจะส่งหนังสือให้พลเอก ประวิตร ทำการชี้แจงกรณีนี้ต่อ ป.ป.ช. ต่อไป ทั้งนี้เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดความล่าช้า เนื่องจากพลเอก ประวิตร ยืนยันมาตลอดว่าพร้อมจะชี้แจง

พลตำรวจเอก วัชรพล กล่าวว่า การชี้แจงครั้งนี้ ป.ป.ช. ต้องการทราบว่าพลเอก ประวิตร ได้ทรัพย์สินดังกล่าวมาอย่างไรและมีหลักฐานหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการได้มาโดยการซื้อหรือทางมรดก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและเปรียบเทียบกับรายการทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมต่อไป

อย่างไรก็ตาม กฎหมายปัจจุบันกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเฉพาะตอนเข้ามาดำรงตำแหน่งและตอนออกจากตำแหน่งเท่านั้น ส่วนการได้ทรัพย์สินมาระหว่างดำรงตำแหน่งนั้น กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องแสดงต่อ ป.ป.ช. แต่อย่างใด เว้นแต่จะเป็นกรณีพิเศษ อย่างกรณีนี้ที่ ป.ป.ช. ต้องขอความร่วมมือให้พลเอก ประวิตร มาชี้แจง

เมื่อถามว่าในฐานะที่เคยทำงานกับพลเอก ประวิตร มาก่อนในตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะหนักใจกับการเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ พลตำรวจเอก วัชรพล กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกหนักใจ เพราะเป็นการทำงานตามระเบียบของ ป.ป.ช. อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าถ้าเรื่องนี้เข้ามาสู่การไต่สวนของ ป.ป.ช. และประธาน ป.ป.ช. จะร่วมทำการไต่สวนได้หรือไม่ พลตำรวจเอก วัชรพล กล่าวว่า ถึงเวลานั้นต้องมาดูในรายละเอียดตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะหากกรรมการ ป.ป.ช. คนใดมีส่วนได้ส่วนเสียก็ไม่สามารถไต่สวนเรื่องดังกล่าวได้แต่อย่างใด