×

SCBS CIO คาด กนง. คงดอกเบี้ยที่ 0.5% ประเมินผลตอบแทนพันธบัตรรุ่น 10 ปี พุ่งแตะ 1.7%

โดย THE STANDARD TEAM
22.12.2020
  • LOADING...
SCBS CIO คาด กนง. คงดอกเบี้ยที่ 0.5% ประเมินผลตอบแทนพันธบัตรรุ่น 10 ปี พุ่งแตะ 1.7%

จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส Chief Investment Office บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS CIO) กล่าวว่า การประชุม กนง. วันพรุ่งนี้ คาดว่าที่ประชุมจะมีมติเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า และอาจให้มุมมองในเชิงระมัดระวังตัวมากขึ้นหลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ครั้งล่าสุดที่สมุทรสาคร โดยการประสานงานระหว่างภาครัฐ และการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายยังมีความจำเป็นอยู่มาก

 

สำหรับแนวโน้มผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ของไทย คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากไม่ได้มีสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในระดับความเสี่ยงเดียวกัน 

 

อย่างไรก็ตาม การที่บอนด์ยีลด์ของรัฐบาลรุ่นอายุ 2 ปี ขยับลงมาที่ระดับ 0.41% ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย และต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์นั้น สะท้อนภาพนักลงทุนที่ยังกังวลความเสี่ยง รวมไปถึงสภาพคล่องในระบบที่ยังอยู่สูง เชื่อว่าถ้าเริ่มเห็นความคืบหน้าของการเปิดการท่องเที่ยว น่าจะทำให้เงินเหล่านี้กลับเข้าสู่ตลาดทุน

 

“เรายังคงมุมมองเดิมว่าบอนด์ยีลด์รุ่นอายุ 2 ปี จะปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 0.75% ได้ในปลายปี 2021 ตามทิศทางของบอนด์ยีลด์โลก ส่วนบอนด์ยีลด์ระยะยาว 10 ปี คาดว่าจะแกว่งตัวในระดับ 1.25-1.45% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ และคาดการณ์ว่าในปี 2021 บอนด์ยีลด์ 10 ปีของไทยสามารถปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1.70% ได้” 

 

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่บอนด์ยีลด์จะปรับตัวสูงขึ้นทันทีนั้นมีไม่มาก เพราะเงินบาทที่แข็งค่าจะทำให้บอนด์ไทยมีความน่าสนใจจากทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ

 

จิติพลมองว่า การคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำของ ธปท. ไม่ได้ส่งผลกระทบกับมุมมองของนักลงทุนต่างชาติ เพราะมีเพียงส่วนน้อยที่เข้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรค่าเงิน และกว่าครึ่งเน้นลงทุนบอนด์ระยะกลาง จะมีนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อบอนด์ไทยในปี 2021 ที่ระดับ 1-2 หมื่นล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2016-2019

 

ส่วนในฝั่งหุ้นไทยเชื่อว่าจะกลับมามีแรงขายเล็กน้อยเพราะต้องปรับสัด

ส่วนการลงทุนใน Emerging Markets ใหม่ เมื่อตลาดหุ้นจีนได้รับการเลือกเข้ามาในดัชนีมากขึ้น จึงอาจเห็นเงินทุนไหลออก

 

“เชื่อว่า ธปท. จะแสดงความกังวลกับการแข็งค่าของเงินบาทที่เกิดขึ้นอย่างเร็วในช่วงนี้ แต่ไม่น่าจะมีนโยบายกำกับหรือแทรกแซงค่าเงินบาทในช่วงปีนี้ไปจนถึงปีหน้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อประเทศไทยถูกจัดเข้าสู่ลิสต์การเฝ้าระวังของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ”

 

ส่วนมุมมองในอนาคต ประเมินว่าเงินบาทจะซื้อขายที่ระดับ 29.75-30.00 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีนี้ แต่ในปี 2021 เชื่อว่าสกุลเงินเอเชียและเงินบาทจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์

 

ส่วนแนวโน้มเงินดอลลาร์ มีโอกาสอ่อนค่าจากนโยบายการคลังในสหรัฐฯ ที่สูงกว่าประเทศอื่น และคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าลงไปแตะระดับ 28.9 บาทต่อดอลลาร์ ภายในปลายปี 2021

 

จิติพลคาดว่า ผลการประชุม กนง. ครั้งนี้ จะไม่ทำให้ภาพตลาดเงินในประเทศเปลี่ยนแปลงมาก และเชื่อว่าบอนด์ยีลด์ไทยจะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง พร้อมกับที่เงินบาทก็มีโอกาสแข็งค่า 

 

ดังนั้น นักธุรกิจไทยสามารถมองเป็นโอกาสที่จะทำการกู้ยืมในช่วงดอกเบี้ยต่ำเพื่อธุรกิจในระยะยาว แต่ผู้ส่งออกอาจต้องเตรียมพร้อมกับการแข็งค่าของเงินบาทในอนาคตมากขึ้น โดยอาจเลือกใช้สกุลเงินของประเทศคู่ค้าในการทำธุรกรรมมากขึ้น หรือทำประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไปพร้อมกันด้วย

 

ส่วนในฝั่งนักลงทุน ประเด็นที่ต้องคำนึงถึงมากขึ้นในการลงทุนคือ สัดส่วนการลงทุนในบอนด์ไทย ซึ่งปัจจุบันให้ผลตอบแทนที่ต่ำมาก เป็นความเสี่ยงต่อเป้าหมายการลงทุนระยะยาว แนะนำใช้เงินบาทที่แข็งค่าให้เป็นประโยชน์ด้วยการเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ โดยแนะนำผสมผสานการลงทุนทั่วโลกทั้งในกองทุนหุ้นกลุ่มปรับตัวขึ้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical) และหุ้นขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ (Income) ไปพร้อมกัน

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising