×

SCC – 4Q66 ผลประกอบการแย่กว่าคาด เพราะรายการด้อยค่า

25.01.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) รายงานขาดทุนสุทธิ 1.13 พันล้านบาท ใน 4Q66 แย่ลงจากที่มีกำไรสุทธิ 2.4 พันล้านบาท ใน 3Q66 หลักๆ เกิดจากขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในเมียนมา ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 1.6 พันล้านบาท และขาดทุนจากสินค้าคงคลังจำนวน 492 ล้านบาท หากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติ 4Q66 อยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท ลดลงจาก 3.0 พันล้านบาท ใน 3Q66 โดยมีสาเหตุมาจาก 1) ปริมาณการขายโพลีโอเลฟินส์ที่ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานระยองโอเลฟินส์คอมเพล็กซ์ (ROC) เป็นเวลา 45 วันใน 4Q66 และ 2) ส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่แคบลง เพราะต้นทุนแนฟทาสูงขึ้น (เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ) 

 

นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) ก็ได้รับแรงกดดันจากความต้องการซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่ลดลงในทุกตลาด โดยเฉพาะเวียดนามที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์อ่อนแอ แม้ว่าราคาขายเฉลี่ย (ASP) ซีเมนต์ในไทยยังอยู่ในระดับทรงตัว QoQ ที่ 2,100-2,150 บาทต่อตัน 

 

กระทบอย่างไร:

 

วันนี้ (25 มกราคม) ราคาหุ้น SCC ปรับลง 0.74% สู่ระดับ 268.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.44% สู่ระดับ 1,375.10 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:

 

InnovestX Research คาดว่าผลประกอบการ 1Q67 จะปรับตัวดีขึ้น QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากช่วงไฮซีซันของความต้องการซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ประกอบกับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล (โครงการ Easy e-Receipt) และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากความต้องการและราคาขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้นในตลาดจีน ตลาดไทย และตลาดภูมิภาค นอกจากนี้ยังคาดว่าส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยใน 1Q67 จากอุปทานในตลาดที่ลดลง ซึ่งจะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงสำหรับส่วนต่างราคา HDPE และ PP

 

นอกจากนี้ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการในระยะกลางถึงระยะยาว โดยได้รับการสนับสนุนจากโรงงาน Long Son Petrochemicals (LSP) แห่งใหม่ (หนุนกำลังการผลิต PE/PP เพิ่มขึ้น 70%) ซึ่งมีกำหนดเริ่มเดินเครื่องโรงงาน Upstream ใน 1H67 อย่างไรก็ดี ได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567 ลดลง 20% เพื่อสะท้อนธุรกิจเคมิคอลส์ที่อ่อนแอกว่าคาด ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการขายที่ลดลง เพราะโรงงาน ROC ยังปิดเนื่องจากไม่คุ้มที่จะเดินเครื่องในระดับต่ำ โดยคาดว่ากำไรปกติปี 2567 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 64% จากฐานต่ำในปี 2566

 

กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging (DCA) ด้วยการทยอยสะสมหุ้น SCC เนื่องจากมีแนวโน้มระยะกลางถึงระยะยาวที่ดี โดยได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตเพิ่มเติมที่โรงงาน LSP ในธุรกิจเคมิคอลส์ และส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 2H67 เนื่องจากอุปทานจะเติบโตลดลงในระยะ 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ Valuation ก็น่าสนใจ เนื่องจากหุ้น SCC เทรดที่ P/BV ปี 2567 เพียง 0.7 เท่า โดยยังคงเรตติ้ง Outperform ด้วยราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ที่ปรับใหม่เป็น 325 บาทต่อหุ้น 

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงอุปทานเพิ่มเติมจำนวนมากที่จะเข้าสู่ตลาด

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising