×

KTB – ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป, Valuation ถูก, ความเสี่ยงต่ำ

25.03.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

ในปี 2567 บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) ตั้งเป้าลด Credit Cost ลงจาก 1.43% ในปี 2566 สู่ 1.2-1.3% และคงอัตราส่วน NPL ไว้ที่ < 3.25% เทียบกับ 3.1% ณ สิ้นปี 2566 (ตามการคำนวณของ KTB) โดยใน 4Q66 KTB ได้ตั้งสำรองสำหรับสินเชื่อที่ปล่อยให้กับ ITD (ปัจจุบันจัดเป็นสินเชื่อ Stage 2) ไว้ 100% แล้ว 

 

หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ระบุว่า KTB ปล่อยกู้ให้กับ ITD จำนวน 4 พันล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ไม่มีหลักประกันจำนวน 2 พันล้านบาท KTB ตั้งเป้าคง LLR Coverage ไว้ที่ > 170% เทียบกับ 174% ณ 4Q66 สูงเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม InnovestX Research ยังคงประมาณการ Credit Cost ปี 2567 ไว้ตามหลักความระมัดระวังที่ 1.35% (ลดลง 8 bps) 

 

KTB ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อฟื้นตัวจากที่ลดลง 1% ในปี 2566 สู่ 3% ในปี 2567 ธนาคารตั้งเป้าปรับลดความเสี่ยงในพอร์ตสินเชื่อด้วยการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และภาครัฐ และสินเชื่อรายย่อย และลดสัดส่วนสินเชื่อ SMEs ลง ในฐานะธนาคารของรัฐ KTB จึงอยู่ในสถานะที่ดีที่สุดในการคว้าโอกาสปล่อยสินเชื่อภาครัฐ ซึ่งผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยงอยู่ในระดับใกล้เคียงหรือดีกว่าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่บางกลุ่มเล็กน้อย

 

ในส่วนของการจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) นั้น KTB กำลังพูดคุยพันธมิตรที่มีศักยภาพอีกรายนอกเหนือจาก ADVANC และ GULF โดย Virtual Bank จะไม่ถูกรวมเข้ากับธนาคาร หากประสบความสำเร็จ Virtual Bank จะสร้างอัปไซด์ให้กับ KTB ในระยะยาว โดยผลกระทบจะมีจำกัดในช่วงปีแรกๆ

 

ทั้งนี้ KTB กำลังพิจารณาปรับอัตราการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสู่ระดับก่อนเกิดโควิดที่ 35-38% เทียบกับ 33% ในปี 2566 เมื่อใช้สมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 35% InnovestX Research คาดการณ์เงินปันผลสำหรับปี 2567 ที่ 0.97 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.8%

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น KTB ปรับขึ้น 3.68% สู่ระดับ 16.90 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 1.57% สู่ระดับ 1,376.24 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:

 

แม้ว่าจะมีแรงฉุดรั้งจาก NIM ที่หดตัวลง (ลดลงปีละ 4 bps ในปี 2567 และปี 2568) จากแนวโน้มที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 50 bps ใน 1H67 แต่ InnovestX Research คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่ 5% ในปี 2567 และ 7% ในปี 2568 โดยได้รับการสนับสนุนจาก Credit Cost ที่ลดลง (ลดลง 8 bps ในปี 2567 และ 15 bps ในปี 2568) รวมถึงสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่ 3% 

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ KTB และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 22 บาทต่อหุ้น (อ้างอิง PBV 0.7 เท่า ซึ่งอิงกับ ROE ระยะยาวที่ 7%, อัตราการเติบโตระยะยาวที่ 1%, Cost of Equity ที่ 9.6%) เนื่องจาก Valuation ถูก และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลดี ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง 

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง การเติบโตของสินเชื่อชะลอตัวลงเพราะความต้องการสินเชื่อต่ำและการแข่งขันสูง และตลาดทุนผันผวน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising