ชื่อ Grind Size (แกรนด์ไซส์) ของร้านกาแฟแห่งนี้นั้น มีความหมายถึง ‘เบอร์บด’ ซึ่งนอกจาก เมล็ดพันธุ์ แหล่งที่มา และระดับการคั่ว อย่างที่ใครๆ หลายคนได้เคยพูดถึงกันบ่อยครั้งว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดรสชาติของกาแฟ ความละเอียดของการบดเมล็ดก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่ส่งผลต่อรสชาติที่แตกต่างกันของกาแฟ ดังนั้นการตั้งชื่อดังกล่าวจึงแสดงนัยถึงความเป็นมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
เจ้าของร้านแห่งนี้เป็นพิธีกรกาแฟชื่อดัง ที่เก็บเกี่ยวความรู้จากการไปช่วยหลังบาร์ตามร้านกาแฟของพี่ๆ น้องๆ ในแวดวงกาแฟ จนสั่งสมประสบการณ์ได้ที่แล้วจึงได้ฤกษ์ทำร้านกาแฟของตัวเอง เขาต้อนรับแขกที่มาเยือนร้านอย่างใส่ใจ โดยถามถึงความชอบและรสนิยมของแต่ละคน เพื่อที่จะส่งมอบเครื่องดื่มที่ตรงใจผู้ดื่มให้มากที่สุด ทั้งยังกระตือรือร้นที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟต่อผู้ที่สนใจอย่างไม่มีกั๊ก ความเป็นกันเองเช่นนี้ทำให้รู้สึกเหมือนการไปนั่งจิบกาแฟในร้านของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ของเรานี่เอง
The Vibe
สีสันหลักที่ใช้ในการตกแต่งร้านเป็นการผสมผสานกันระหว่างสี 3 โทนอันได้แก่ สีเขียวอินดัสเทรียล สีเขียวแพนโทน และสีฟ้าตาแมว บรรยากาศออกแนวพาสเทลซึ่งมีทั้งความสดใส และความหวานเล็กๆ
ที่โดดเด่นอีกอย่างคือโต๊ะและเก้าอี้อะลูมิเนียมจาก ‘Kun’ ซึ่งเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ของคนไทย กับชั้นวางตกแต่งโชว์สินค้า ที่มีทั้งชา เมล็ดกาแฟ แก้ว และอุปกรณ์การชง ฯลฯ และที่เป็นหัวใจของร้านคือเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ ส่วนที่แต่งเติมสีสันและชีวิตชีวาให้กับร้านอีกอย่าง คือภาพวาดฟรีแฮนด์ขนาดใหญ่ที่อยู่บนผนังทั้ง 2 ภาพ
The Drinks
ไฮไลต์ของร้านนี้คือ ‘Latte Rangers’ เครื่องดื่มใส่นม 5 สี ซึ่งตอนเราไปถึงที่ร้านนั้นเพิ่งครีเอตออกมาได้เพียงแค่ 5 สีเท่านั้น ถ้าคิดว่าเป็นแค่ชาสีๆ หรือสีผสมอาหารนำมาใส่นมเท่านั้นขอบอกว่าผิดถนัด เพราะมีการคิดค้นว่าจะใช้ส่วนผสมอะไรบ้างมาเป็นอย่างดีเพื่อให้ได้ทั้งสีและรสชาติ
ยกตัวอย่างเช่น Red Latte (100 บาท) มีทั้งส่วนผสมของ บีทรูท ชามะตูม และชากุหลาบ, Blue Latte มีส่วนผสมของดอกอัญชัน และใบเตย (100 บาท) Yellow Latte ส่วนผสมได้แก่ สมุนไพรจีน มะตูม และเก๊กฮวย และที่กำลังอินเทรนด์อยู่ตอนนี้คือเครื่องดื่มสีดำอย่าง Black Latte (120 บาท) ได้รับแรงบันดาลใจจากขนมไทยอย่างขนมเปียกปูน มีส่วนผสมคือ ถ่านชาร์โคล งาดำ และมะพร้าว จิบแล้วให้ความรู้สึกราวกับว่าเป็นขนมเปียกปูนจริงจัง ส่วนอีกแก้วสุดท้ายของขบวนการ 5 สีนี้คือ Green Latte ที่กำลังอยู่ในระหว่างคิดปรับสูตร และกำลังจะตามมาในเร็วๆ นี้ เครื่องดื่มลาเต้ทุกสีทุกแก้วถ้าคอกาแฟอยากจะเพิ่มช็อตกาแฟลงไปก็ทำได้ (20 บาทต่อช็อต)
ด้านกาแฟโดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟที่เลือกสรรจากแหล่งผลิตและโรงคั่วของคนไทย นอกจากนี้ยังมีเมล็ดกาแฟนำเข้าจากต่างประเทศให้เลือก (100-160 บาท ขึ้นอยู่กับเมนูที่สั่ง) ทั้งยังมีกาแฟพิเศษที่ไม่ได้มีอยู่ในเมนู แต่ถ้าพูดคุยกันถูกคอเจ้าของร้านหรือบาริสต้า อาจจะแอบหยิบมาชงให้คุณชิมก็ได้นะ
และอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่เราถูกใจคือชาเย็น Grand Size Ice Red Tea (100 บาท) ที่ชงแบบโคลด์บริว สกัดให้รสชาติออกมาหอมนุ่มละมุนกว่าชงแบบร้อน หอม สดชื่น บอกต่อๆ กันไป
The Dishes
Banana Bread (100 บาท) ที่ทางร้านทำเอง หวานกำลังพอดี เหมาะมากสำหรับกินคู่กับเมนูกาแฟดำ อย่างอเมริกาโน หรือจะสั่งท็อปอัพกินคู่กับไอศกรีม Salted Caramel (160 บาท) ก็อร่อยไปอีกแบบ และมีครัวซองต์ (60 บาท) ที่ทางร้านอบเองให้เลือกสั่งด้วย ส่วนอาหารอิ่มท้องอื่นๆ ก็พอมี แต่ขึ้นอยู่กับการเตรียมการของทางร้านในแต่ละวันว่ามีอะไรอยู่ในสต๊อกที่พอจะทำให้แขกที่มาเยือนรับประทานได้บ้าง ไม่ได้มีเมนูประจำ ทั้งนี้เจ้าของร้านบอกว่าที่ทำให้ดูยากแบบนี้ ก็เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าและพนักงานของร้านได้มีปฏิสัมพันธ์พูดคุยทำความรู้จักกันนั่นเอง
Open: วันจันทร์ – วันศุกร์ 8.00 – 18.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ 8.00 – 20.00 น.
Address: Shinsen Fish Market 163/6 ซอยสุขุมวิท 39 คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ
Budget: 100 – 300 บาท
Contact: 09 1774 3653
Page: www.facebook.com/Grindsize
Map: