×

สัมภาษณ์พิเศษ สองผู้อยู่เบื้องหลัง Omnivore ซีรีส์อาหารล่าสุดจาก Apple TV+

19.07.2024
  • LOADING...

สำรวจโลกผ่านอาหารไปกับซีรีส์ Omnivore ที่ได้ เชฟเรเน เรดเซปี (René Redzepi) เชฟสามดาวมิชลินจาก noma ร้านอาหารในโคเปนเฮเกน ที่ติดอันดับร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก และ แมตต์ โกลดิง (Matt Goulding) นักเขียนและนักข่าวด้านอาหารชื่อดัง มานั่งตำแหน่ง Executive Producers ของซีรีส์เรื่องนี้ ที่ LIFE มีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษทั้งสองคนถึงการถ่ายทำ Omnivore ในเมืองไทย และทำงานร่วมกับ เชฟปริญญ์ ผลสุข จากห้องอาหารสำรับสำหรับไทย ที่ทั้งเชฟและภรรยา มิ้น-ธัญญพร จารุกิตติคุณ ปรากฏตัวในซีรีส์เรื่องนี้ด้วย 

 

เชฟเรเน เรดเซปี (René Redzepi) และ แมตต์ โกลดิง (Matt Goulding)

 

ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่า Omnivore เป็นซีรีส์ที่จะพาคุณไปสัมผัสเรื่องราวอันน่าทึ่งของวัตถุดิบหลากหลายชนิดที่สร้างสรรค์สังคม หล่อหลอมความเชื่อ และเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ตั้งแต่ทุ่งเกลืออันกว้างใหญ่ไพศาลในเปรูไปจนถึงผืนป่ากาแฟเขียวขจีในรวันดา ตัวซีรีส์จะพาคุณไปค้นพบความหลากหลายของวัตถุดิบที่ถูกนำมาใช้ประกอบอาหารแต่ละชนิด รวมถึงสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการเพาะปลูก แปรรูป และบริโภคทรัพยากรชั้นเลิศเหล่านี้ เพื่อให้คุณได้มองอาหารในมุมมองใหม่ และเข้าใจถึงความสำคัญของวัตถุดิบที่เป็นหัวใจสำคัญของทุกมื้ออาหาร 

 

สำหรับเราแล้ว Omnivore จึงน่าสนใจทั้งในแง่ฟู้ดดี้ที่ชื่นชอบอาหารดีๆ และคนที่สนใจสังคม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม โดยมีอาหารเป็นจุดร่วม

 

*หมายเหตุ: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน 

 


 

 

ก่อนอื่นเลยเราอยากรู้แรงบันดาลใจที่ทำให้คุณสร้างซีรีส์ Omnivore และสิ่งที่คุณต้องการส่งต่อไปยังผู้ชม? 

 

เรเน: แรงบันดาลใจมาจากเชฟที่นี่เองครับ เราอยากสร้างสรรค์รายการเกี่ยวกับอาหารมานานกว่าสิบปีแล้ว ช่วงที่ร้าน noma มีชื่อเสียง ผมได้รับการติดต่อให้ทำรายการหลากหลายมากมาย ซึ่งทำให้เราคิดว่า ถ้าจะทำรายการเราอยากทำอะไร? ไอเดียแรกของ Omnivore คือรายการที่ไม่เน้นการสอนทำอาหาร การเดินทางไปแนะนำร้านอาหาร หรือการแข่งขันทำอาหารแบบรายการทั่วไป เราได้รับแรงบันดาลใจจาก Planet Earth และ เดวิด แอทเทนเบอเรอห์ (David Attenborough) ในการถ่ายทอดความเคารพและความทุ่มเทเอาใจใส่ต่อธรรมชาติ ซึ่งเราคิดว่าเราสามารถเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารผ่านมุมมองเหล่านี้ได้เช่นกัน แนวคิดนี้ค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด เราจึงเพิ่งมีโอกาสได้สร้างซีรีส์เรื่องนี้ 

 

 

แมตต์: เป้าหมายของเราคืออยากให้ผู้ชมเคารพและเห็นคุณค่าของอาหารมากขึ้น วัตถุดิบเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน แต่ผู้คนมักไม่ค่อยนึกถึงมัน ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ กล้วยที่หยิบกินในสนามบิน หรือข้าวสวย แต่เบื้องหลังวัตถุดิบเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราว ผู้คน และความพยายามมหาศาลในการผลิตออกมา เราอยากให้ผู้ชมทึ่งและเคารพต่อวัตถุดิบเหล่านั้น ถ้าผู้ชมดูซีรีส์แล้วหันมาใส่ใจอาหารที่ตัวเองกินมากขึ้น เราถือว่าประสบความสำเร็จแล้วครับ

 

 

วิธีการเลือกวัตถุดิบและสถานที่ถ่ายทำน่าสนใจมาก เพราะมันไม่ได้เป็นวัตถุดิบหรูหราหรือหายากที่สุดในโลก ค่อนข้างเบสิกเลยด้วยซ้ำ อยากรู้ว่าคุณเลือกวัตถุดิบและสถานที่ถ่ายทำอย่างไร

 

แมตต์: แน่นอนว่ามีเรื่องราวของอาหารมากมายพอๆ กับจำนวนวัตถุดิบในครัวหรือในตลาด เราต้องหาสมดุลระหว่างวัตถุดิบหลักของมนุษย์อย่างข้าวและข้าวโพด กับวัตถุดิบที่สะท้อนถึงธรรมชาติอย่างกาแฟและพริก เราต้องการให้ซีรีส์มีความอร่อย คำนึงถึงผู้อื่น และกระตุ้นความคิด สำหรับสถานที่ถ่ายทำ เรเนและผมอยากเก็บภาพทั่วโลกเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้จะไม่ทุกมุมโลก เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องราวของเรา ไม่ใช่แค่เรื่องราวของผมกับเรเน แต่เป็นเรื่องราวของทุกคน เราจึงพยายามถ่ายทำใน 16-17 ประเทศทั่ว 5 ทวีป เราทำงานร่วมกับผู้กำกับจาก 6 ประเทศทั่วโลก เพื่อทำให้เราได้นำเสนอเรื่องราว วัฒนธรรม และมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับวัตถุดิบอันยอดเยี่ยมเหล่านี้

 

 

และในอีพีแรกก็มีกรุงเทพฯ อยู่ในนั้นด้วย   

 

แมตต์: แน่นอนว่าคุณทำตอนพริกไม่ได้โดยไม่มีประเทศไทย พริกมีอยู่ทั่วโลก แต่เรเนและผมรู้สึกว่า อาหารไทยและพริกเป็นส่วนสำคัญของรสชาติและวัฒนธรรมไทย เราโชคดีมากที่ได้ร่วมงานกับเชฟปริญญ์และมิ้น จากร้านสำรับสำหรับไทย ทั้งคู่เป็นคู่รักที่น่ารักมาก เรื่องราวความรักของพวกเขามีพริกเป็นศูนย์กลาง มิ้นมาจากครอบครัวที่ทำพริกแกง ส่วนเชฟปริญญ์เป็นเชฟฝีมือยอดเยี่ยมที่หลงใหลในพริก การได้ถ่ายทำที่กรุงเทพฯ ถือเป็นไฮไลต์ของซีรีส์เลยครับ

 

เรเน: ผมเห็นด้วยกับที่แมตต์พูดนะ ไม่มีข้อสงสัยเลย กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่มีรสชาติจัดจ้านที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ อาจจะจัดจ้านที่สุดเท่าที่เคยเจอเลย มันมีเรื่องราวของความรักและความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง พวกเราอยากให้เรื่องราวของพริกเกี่ยวข้องกับความรักของมนุษย์ ว่าทำไมเราถึงหลงรักบางสิ่งบางอย่าง มันไม่ใช่แค่เครื่องปรุงรสชาติธรรมดา แต่มันคือความผูกพันที่บอกเล่าเรื่องราวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ เราทำมันเพราะเรารักมัน ซึ่งกรุงเทพฯ เป็นเหมือนศูนย์กลางของความรักนั้น และการเล่าเรื่องนี้ผ่านเรื่องราวความรักของคนสองคนซึ่งมีอยู่จริงๆ มันช่วยเสริมสร้างสิ่งที่เราตั้งใจไว้ได้เป็นอย่างดี 

 

 

ก่อนหน้านี้คุณเคยลองกินพริกขี้หนูไทยมาก่อนไหม

 

เรเน: ผมเคยไปเที่ยวประเทศไทยสองครั้ง ดังนั้นผมเคยลองกินพริกขี้หนูมาก่อน ผมเคยเจอระดับความเผ็ดที่คิดไม่ถึง จริงๆ แล้วผมโตมากับอาหารเผ็ด เพราะครอบครัวผมเป็นชาวแอลเบเนีย แม้ว่าพริกที่บ้านจะไม่เผ็ดมากก็ตามแต่ก็เผ็ดอยู่ดี 

 

เล่าให้ฟังหน่อยว่าร่วมมือกับเชฟปริญญ์ได้อย่างไร และขั้นตอนการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง 

 

แมตต์: เรามีเพื่อนร่วมกันชื่อ แอนดี้ ริกเกอร์ (Andy Ricker) อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทางภาคเหนือของประเทศไทย เขาแนะนำให้รู้จักกับปริญญ์ แอนดี้บอกกับเราว่า คิดว่านี่แหละคือคนที่คุณกำลังมองหา เขาคือ Mad Genius และอาหารของเขาก็สุดยอด รวมถึงเรื่องราวของเขาและภรรยาด้วย ดังนั้นเราจึงเริ่มคุยกัน ผมบอกเขาว่าพวกเราอยากทำอะไรสนุกๆ ที่นี่

 

เราอยากสร้างเรื่องราวความรักของพวกเขาบนหน้าจอ ดังนั้นพวกเขาจึงพาพวกเราไปยังสถานที่ 3 แห่งที่นิยามเรื่องราวความรักของพวกเขา นั่นก็คือ ร้านป้าหมู เราเริ่มต้นด้วยอาหารป่า จากนั้นก็อาหารอีสานที่พวกเขาไปเดตกันครั้งแรก เขาพาเธอไปที่นั่นเพราะคิดว่าถ้าเธอไม่สามารถกินเผ็ดได้ เราก็อาจจะไม่ใช่คู่กัน แต่ปรากฏว่าเธอกินเก่งกว่าเขาอีก 

 

และสุดท้าย พวกเขาจบที่ร้านสำรับสำหรับไทย มันเป็นอาหารที่เผ็ดที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมาในชีวิตเลย

 

 

คุณจำได้ไหมว่ามันมีรสชาติอย่างไร? 

 

แมตต์: มันเป็นแกงเผ็ดที่เผ็ดมากๆ อย่างที่คุณเห็นในซีรีส์ เขาเติมพริกไม่ยั้ง จนเราอยากจบด้วยความรู้สึกเหนือจริง แบบประสาทหลอนเวลาที่คุณได้กินพริกเผ็ดๆ ช็อตนั้นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง American Beauty เราไปถ่ายทำกันกลางกรุงเทพฯ ตอนตี 3 มีพริกขี้หนูเป็นล้านๆ เม็ด และเครนยักษ์ พวกเราโปรยพริกลงมาใส่เชฟปริญญ์ มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดุเดือดที่สุดของการถ่ายทำเลย

 

อยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่น่าจดจำที่สุดระหว่างถ่ายทำที่นี่ 

 

แมตต์: น่าจะเป็นคืนนั้นที่พวกเขาอยู่บนรถตุ๊กตุ๊ก และเรามีทีมงานขนาดใหญ่ ประมาณ 65 คน ส่วนใหญ่เป็นทีมงานชาวไทย แต่ก็มีทีมงานต่างชาติด้วยบางส่วน ผู้กำกับของเราให้ปิดกั้นการจราจรในคืนวันเสาร์ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งคุณก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่บ้ามากๆ เราต้องตามพวกเขาเข้าไปบนรถตุ๊กตุ๊กคันนั้น เห็นความรักที่พวกเขามีให้แก่กันอย่างชัดเจน จากนั้นเรื่องราวก็จบลงหลังมื้ออาหาร โดยมีเครนยักษ์โปรยพริกลงมา

 

เรเน: สำหรับผมไม่เกี่ยวข้องกับรายการนี้ ครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวเมืองไทยกับลูกๆ ที่กรุงเทพฯ คนไทยใจดีกับเด็กมาก มันเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจจริงๆ เพราะปกติแล้วเมื่อคุณอยู่ยุโรป การเดินทางพร้อมกับลูก 3 คน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ผู้คนต่างก็มองมาที่คุณและคิดว่า โอ๊ะ โอ๊ะ ไม่ล่ะ แต่ที่นี่คุณกลับรู้สึกตรงกันข้าม คนไทยชอบเล่นกับลูกๆ ของผม

 

ภาพ: Apple TV+

FYI
  • ซีรีส์ Omnivore ฉายทาง Apple TV+ เริ่มปล่อยวันแรกพร้อมกันทั่วโลก วันที่ 19 กรกฎาคม 2024 มีทั้งหมด 8 ตอน
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X