เราเคยพูดถึง ‘4S’ ของการจิบไวน์แบบ 101 แสนจะเบื้องต้นไปแล้วให้คุณได้แลดู ‘เป็น’ เมื่อมาถึงงานสังคมที่ต้องมีการจิบไวน์ แต่ครั้งนี้เราสเตปอัพเกมการดื่มขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเทคนิคการชิมไวน์ที่เหนือชั้นยิ่งกว่า พร้อมแล้วไปหัดฝีมือเตรียมเป็น ‘เซียนไวน์’ กันได้เลย
ก่อนอื่นเราไปทำความเข้าใจกันสักนิดถึงการชิมไวน์ที่หาใช่เน้นแต่ทำให้อารมณ์ดีและแก้มแดงระเรื่อ ไปจนถึงเดินเซ แต่การชิมไวน์ไม่ต่างอะไรกับการเทสติ้งอาหารสักจานที่เน้นประสบการณ์แห่งรสชาติที่กระตุ้นสัมผัสในร่างกายให้รู้สึก ‘อะไร’ บางอย่าง และจากประสบการณ์ของกูรูไวน์จากไร่ไวน์ในบารอสซาที่รัฐแอดิเลดในออสเตรเลียตอนใต้ นิโคลัส เมเยอร์ (Nicholas Meyer) ไวน์แอมบาสเดอร์ของ Jacob’s Creek พบว่า นักดื่มป้ายแดงนิยมรีบซดอึกใหญ่ไม่ต่างอะไรกับตอนกระดกแก้วช็อตกับเพื่อนคืนวันศุกร์แถวทองหล่อ ทั้งที่แท้จริงแล้วสิ่งสำคัญของการชิมไวน์นั้นยังอยู่ที่สัมผัสของการได้มอง ดม ที่สำคัญพอๆ กับการรับรสชาติทีเดียว และนิคแอบเผยเคล็ดลับของการดื่มไวน์กับเราไว้ดังนี้
มอง (Sight)
ขณะที่จับก้านไวน์ สิ่งสำคัญอยู่ที่การเอียงแก้วที่ 45 องศา โดยถือแก้วห่างจากตัว วิธีนี้ช่วยให้เห็นขาไวน์ (Leg) ซึ่งหมายถึงน้ำไวน์ที่ค่อยๆ ไหลลงรอบๆ แก้วได้ชัดเจน โดยสามารถบอกได้ถึงลักษณะของไวน์นั้นๆ ที่กำลังจะดื่มว่ามีน้ำตาลมากน้อยแค่ไหน (ไวน์ขาวที่สีออกเหลืองเข้มมีแนวโน้มว่าจะมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่าหรือหวานกว่าเป็นต้น) มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงไหม หรือกระทั่งอายุของไวน์ก็เป็นได้ กูรูไวน์แนะให้ลองสำรวจหาความใสหรือขุ่นของน้ำไวน์ ลองสังเกตความบริสุทธิ์ว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในไวน์หรือไม่ รวมถึงสีของไวน์ที่สามารถบ่งบอกลักษณะความข้นของเนื้อไวน์หรือที่เรียกว่าบอดี้ (Body), ความหนักแน่นหรือเข้มข้นในรสชาติ (Intensity) กระทั่งมิติต่างๆ ของรสชาติซึ่งเป็นสิ่งแรกที่สังเกตได้ก่อนจะได้ลิ้มลองเสียอีก
ดม (Smell)
นิคเผยว่าอีกเรื่องที่สำคัญมากคือการดมไวน์ (Nose) วิธีนี้ทำได้โดยการแกว่งแก้วไวน์ (Swirl) ให้น้ำไวน์วนอยู่ในแก้วเพื่อเปิดให้อากาศเข้าไปเผยให้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของไวน์นั้นๆ ออกมาชัดยิ่งขึ้น และนอกเหนือจากนั้น ‘วิธีการดม’ ก็สำคัญ โดยถ้าสูดกลิ่นแรงไป ก็จะได้กลิ่นของแอลกอฮอล์ไปเต็มๆ ทำให้แสบจมูกจนเบือนหน้าหนีทั้งที่ยังไม่ได้รับรู้กลิ่นจริงๆ ของไวน์ตัวนั้นอีกด้วย นิคแนะนำให้ดมทีละนิด หายใจลึกๆ และทำอย่างช้าๆ ลองทำสลับกับหายใจสั้นๆ และเร็วๆ ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน และจะช่วยเผยกลิ่นที่เรียกว่า ‘Top Notes’ หรือกลิ่นหลักๆ ที่อยู่ในไวน์ออกมา โดยกลิ่นที่ว่าอาจเป็นกลิ่นดอกไม้ ผลไม้ หรือเครื่องเทศต่างๆ เป็นต้น
ชิม (Taste)
ถึงเวลาสนุกที่สุดของการ ‘ชิมไวน์’ กันแล้ว! มาถึงตรงนี้นิคมองว่าเป็นตอนที่สำคัญที่คนตั้งตาคอยที่สุด (แน่ล่ะ!) และแน่นอนว่าไวน์แต่ละชนิดก็มีเรื่องราวบอกเล่าอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเช่นกัน เขาบอกต่อว่า “ดังนั้นการกระดกแก้วไวน์ราวกับซดเตกีลา ก็ไม่ต่างกับการตัดบทกลางเรื่องใครสักคนตอนที่กำลังเมาท์ถึงทริปแซ่บที่บาหลีอย่างออกรส ดังนั้นอย่ากลัวที่จะใช้เวลากับขั้นตอนนี้” โดยเขาเสริมเทคนิคลับที่นักชิมไวน์ระดับโปรมักทำกัน นั่นคือเมื่อจิบไวน์ ลองสูดอากาศเข้าไปในปากผ่านช่องฟันให้อากาศอยู่เหนือน้ำไวน์ (ง่ายๆ คือคิดเสียว่าคุณกำลังบ้วนปากเพื่อเอาอาหารที่อยู่ที่ฟันหน้าออก) ขั้นตอนนี้อาจมีเสียงคล้ายบ้วนปากเบาๆ เล็กน้อย แต่อย่าตกใจไป เพราะนี่เป็นวิธีดึงลักษณะรสชาติของไวน์ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากไวน์ไปสัมผัสประสาทรับรสในปาก ทั้งลิ้นไปจนเพดานปากได้อย่างทั่วถึง เปิดให้สัมผัสทางรสได้รับรสของน้ำไวน์แบบเต็มๆ
ทีนี้ใครอยากฝึกวิชาเพื่ออัพระดับความโปร อย่าลืมนึกถึง มอง ดม ชิม เอาไว้ แล้วพบกันที่งานประลองวิชา ว.ช.ร.ส. (การสอบวิชาชิมไวน์ระดับสามัญ) นะ!
สำหรับมือใหม่หัดดื่ม อ่านเรื่องดื่มไวน์ไม่เป็น? นี่คือ 4 วิธีดื่มไวน์ฉบับมือใหม่หัดจิบที่เข้าใจง่ายที่สุดได้ที่นี่
ภาพประกอบ: Pichamon Wannasan
ทิปส์เติมความเก๋า
กูรูใจดียังแอบแนะเคล็ดการชิมไวน์อีกอย่างเพื่อออกจากกรอบไวน์เทสติ้งเดิมๆ ที่มักแพร์ไวน์แดงกับเนื้อแดง หรือไวน์ขาวกับปลา โดยเขามองว่าปัจจุบันโลกของอาหารการกินเปิดกว้างขึ้นมาก ดังนั้นอย่าได้กลัวที่จะลองหยิบอะไรที่แลดูอาจอยู่กันคนละโลกมาลองชิมคู่กัน เพื่อเพิ่มสีสันของการชิมไวน์ผ่านรสชาติใหม่ๆ
- จากที่เคยลองไวน์ชีราซ (Shiraz) คู่กับสเต๊กเนื้อแบบตามธรรมเนียม นิคแนะให้ลองเนื้อแบบดรายเอจ (Dry Age) ที่กลิ่นของเนื้อจะล้ำขึ้นไปอีกขั้น
- หรือจะก้าวออกนอกกรอบเดิมๆ โดยจับคู่กับขนมหวานไปเสียเลย ซึ่งจากการได้ทดลองชิมขนมหวานอย่าง Plum Crumble ผลลูกพลัมที่นำไปแช่ในไวน์ชีราซจนได้ที่ ราดช็อกโกแลตและเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมบีทรูท นำมาจับคู่กับไวน์แดงคาเบอร์เนต (Barossa Signature Cabernet) ปี 2016 ที่งาน Our Table ขอบอกได้ว่าแปลกและแตกต่าง เพราะรสที่ออกหวานเบาๆ ของไวน์กลับเสริมกับความหวานและเนื้อสัมผัสร่วนของครัมเบิลได้อย่างน่าสนใจ)
- วัตถุดิบอื่นๆ ที่น่าสนที่นิคให้เราทดสอบชิมคู่กับไวน์ต่างชนิดกัน ทั้งรีสลิ่ง (Riesling) ไปจนชีราซรุ่นเก๋าจากบารอสซา มีตั้งแต่มะนาว ใบเสจ ช็อกโกแลต พริก มะกอก ใบไทม์ บีทรูท ไปจนถึงฟักทองและชีส