×

เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020: จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มีโอกาสเลื่อนเลือกตั้งไหม หลังทรัมป์ติดโควิด-19

โดย THE STANDARD TEAM
03.10.2020
  • LOADING...
Donald Trump

HIGHLIGHTS

  • การติดโควิด-19 ของทรัมป์ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจสัมผัสเชื้อไวรัส และอาจจำเป็นต้องกักตัวเช่นกัน
  • นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียมองว่า หากเกิดกรณีทรัมป์หรือไบเดนเสียชีวิต การหาตัวแทนใหม่เพื่อมาแทนชื่อแคนดิเดตเดิมในบัตรเลือกตั้งของแต่ละรัฐ เป็นวิธีที่มีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากชาวอเมริกันหลายล้านคนได้ลงคะแนนเสียงไปแล้ว และดูเป็นไปไม่ได้ที่พรรคจะได้ตัวแทนคนใหม่เพื่อมาแทนที่ชื่อเดิมในบัตรลงคะแนน โดยที่ไม่ต้องเริ่มกระบวนการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด ในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงเดือนเศษก่อนวันเลือกตั้ง
  • มีความเป็นไปได้ที่สภาคองเกรสอาจผ่านร่างกฎหมายเพื่อเลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี หากหนึ่งในผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถ
  • หากทรัมป์ต้องใช้วิธีการรักษาที่อาจทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่บริหารประเทศได้ตามปกติ ก็มีความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีจะอ้างมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 25 ซึ่งให้รองประธานาธิบดีทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีรักษาการไปจนกว่าประธานาธิบดีจะแจ้งต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาว่าสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้อีกครั้ง

เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองและคำถามขึ้นต่างๆ นานา ว่าการเลือกตั้งสหรัฐฯ จะจัดตามกำหนดการเดิมได้ต่อไปหรือไม่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันในวันศุกร์ (2 ตุลาคม) ที่ผ่านมาว่า ตัวเขาและเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยาและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ซึ่งทำให้หลายฝ่ายต้องการทราบความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางที่มีอยู่ และอาจนำมาใช้ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ต่างๆ ขึ้นกับประธานาธิบดี ในขณะที่สหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้

 

เกิดอะไรขึ้น?

ประธานาธิบดีวัย 74 ปี ซึ่งเข้ารับการตรวจโควิด-19 เป็นประจำ เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า ตัวเขาและสตรีหมายเลขหนึ่งได้เริ่มกระบวนการกักตัวและรักษาตัวที่ทำเนียบขาว ก่อนที่ในเวลาต่อมา ทรัมป์จะเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด ในรัฐแมริแลนด์ 

 

การติดโควิด-19 ของทรัมป์ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจสัมผัสเชื้อไวรัส และอาจจำเป็นต้องกักตัวเช่นกัน

 

นพ.ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำทำเนียบขาว กล่าวในแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งยังสบายดีในขณะนี้ และยืนยันว่าประธานาธิบดีจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ในระหว่างพักฟื้น

 

ช่วงบ่ายวันศุกร์ (2 ตุลาคม) ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ตามมาว่า ทรัมป์และภริยามีอาการป่วยเล็กน้อย ทั้งคู่อ่อนเพลีย แต่ยังมีกำลังใจดี การตัดสินใจส่งทรัมป์ไปโรงพยาบาลเป็นมาตรการป้องกันในเบื้องต้น

 

จะเกิดอะไรต่อไป

ในบทวิจัยที่เผยแพร่เมื่อต้นปีนี้ จอห์น ฮูแด็ก นักวิชาการอาวุโสและรองผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการประสิทธิภาพภาครัฐแห่งสถาบันบรูกกิงส์ ได้จำลองสถานการณ์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อ ‘ปกป้องประธานาธิบดี บูรณภาพในการปฏิบัติหน้าที่ และความต่อเนื่องของรัฐบาล’ ในกรณีที่มีการตรวจพบว่าติดโควิด-19

 

ฮูแด็กกล่าวว่า การปฏิบัติการฉุกเฉินอาจไม่จำเป็น เพราะประธานาธิบดีทรัมป์น่าจะยังคงสามารถปฏิบัติภารกิจประจำวันและบริหารงานต่อไปได้ โดยอาจทำทุกอย่างได้ตามปกติ หรืออาจติดขัดเล็กน้อย

 

อย่างไรก็ตาม เขาคาดว่าการติดโควิด-19 อาจสร้างความท้าทายบางประการให้กับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดประธาธิบดี “ความจำเป็นที่ต้องมีหน่วยอารักขาตลอด 24 ชั่วโมง อาจทำให้เจ้าหน้าที่คุ้มกันเสี่ยงสัมผัสเชื้อได้ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นทันสมัย ประธานาธิบดีสามารถกักตัว และติดต่อกับผู้ช่วยทุกคน หรือเกือบทุกคน ผ่านระบบทางไกลได้ ซึ่งรวมถึงบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแถลงข่าวประจำวันของประธานาธิบดี” ฮูแด็ก กล่าว

 

การติดโควิด-19 ของทรัมป์ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าจำเป็นต้องนำมาตรการป้องกันอื่นๆ มาใช้กับผู้ที่อยู่ในลำดับการสืบทอดประธานาธิบดี เพื่อลดโอกาสที่พวกเขาเหล่านั้นจะสัมผัสและติดเชื้อไวรัส

 

ฮูแด็กอธิบายว่า ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี, แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ว. ชัค แกรสส์ลีย์ (วุฒิสมาชิกที่มีตำแหน่งอาวุโสสูงสุดในวุฒิสภา หรือ President Pro Tempore ซึ่งทำให้เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีลำดับที่ 3) ตลอดจนสมาชิกทุกคนในคณะรัฐมนตรี จะต้องแยกตัวออกห่างจากประธานาธิบดี 

 

ฮูแด็กกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประธานาธิบดี “ที่จะต้องสื่อสารกับประชาชนชาวอเมริกันต่อไป โดยเฉพาะหากเขามีอาการไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการ” พร้อมกับเสริมว่า “การได้เห็นประธานาธิบดีผ่านทางหน้าจอ สามารถฟื้นคืนความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสุขภาพของประธานาธิบดี คลายกังวลให้กับชาวอเมริกัน ทำให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพ และบอกกับโลกว่า ประธานาธิบดียังคงสบายดี และปฏิบัติงานในตำแหน่งต่อไปได้”

 

ที่ผ่านมา การตอบสนองของทรัมป์ต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง แต่ผู้นำสหรัฐฯ ก็ยังกล่าวชื่นชมการบริหารจัดการวิกฤตสาธารณสุขของตนเองอยู่บ่อยครั้ง ยกตัวอย่างในการหาเสียงเลือกตั้งที่รัฐโอไฮโอเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวอ้างว่าโรคโควิด-19 “แทบไม่ส่งผลกระทบกับใครเลย”

 

จากข้อมูลที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมมากกว่า 7.27 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต 207,808 คน

 

การเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไปหรือไม่

เมื่อต้นปีนี้ ริชาร์ด พิลดิส อาจารย์วิชากฎหมายจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวกับ Washington Post ว่า คณะกรรมาธิการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน (Republican National Committee) ควรเข้ามาควบคุม หากทรัมป์ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันได้ต่อไปในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

 

พิลดิส กล่าวว่า หากทรัมป์ หรือโจ ไบเดน ตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตเสียชีวิต แต่ละพรรคจำเป็นจะต้องหาชื่อตัวแทนใหม่เพื่อมาแทนชื่อตัวแทนในบัตรเลือกตั้งของแต่ละรัฐ 

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชาวอเมริกันหลายล้านคนได้ลงคะแนนเสียงไปแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าวิธีการนี้จะเป็นทางออกที่ได้ผลหรือไม่

 

ณ จุดนี้ “ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ทางพรรคจะได้ตัวแทนคนใหม่เพื่อมาแทนที่ชื่อในบัตรลงคะแนน โดยที่ไม่ต้องเริ่มกระบวนการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกันในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงเดือนเศษก่อนวันเลือกตั้ง” ริก เฮเซน อาจารย์กฎหมายจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย โพสต์ข้อความบนบล็อก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

 

เฮเซนกล่าวว่า เขาไม่เชื่อว่าสภาคองเกรสจะผ่านร่างกฎหมายเพื่อเลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ก็ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้อยู่กรณีหนึ่ง นั่นคือ หากหนึ่งในผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถ

 

“แม้อะไรๆ ยังไม่แน่นอน แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นตามกำหนด โดยที่ชื่อของตัวแทนที่ไร้ความสามารถหรือเสียชีวิตปรากฏอยู่บนบัตรลงคะแนน และจากนั้นอาจมีคำถามว่า สภานิติบัญญัติจะอนุญาตให้ผู้เลือกตั้ง (Elector) ประธานาธิบดีในแต่ละรัฐโหวตให้กับคนอื่นแทนตัวแทนที่เสียชีวิตหรือไม่” เฮเซน กล่าว

 

เหตุการณ์ที่เป็นไปได้ หากประธานาธิบดีป่วยหนัก

ทรัมป์ไม่ใช่ผู้นำประเทศคนแรกที่ติดโควิด-19 โดยก่อนหน้านี้ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ วัย 56 ปี และประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู วัย 65 ปี ของบราซิล เคยติดโควิด-19 กันมาแล้ว

 

ในรายของจอห์นสันมีอาการป่วยอย่างหนักหลังผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก และต้องพักรักษาตัวอยู่ในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก หรือห้องไอซียู อยู่นาน 3 คืนเมื่อช่วงเดือนเมษายน ซึ่งในขณะนั้น โดมินิก ราบบ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน

 

ฮูแด็กจากสถาบันบรูกกิงส์ กล่าวว่า ทรัมป์อาจได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด และเข้าถึงวิธีการรักษาที่ใหม่ที่สุด แต่ด้วยอายุของเขา ประกอบกับความอ้วน จึงทำให้เขามีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่า 

 

“หากโชคไม่ดี ประธานาธิบดีติดโควิด-19 และจำเป็นต้องใช้วิธีการรักษา เช่น ใส่เครื่องช่วยหายใจ และ/หรือวิธีการรักษาอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อความสามารถทางสติปัญญา และ/หรือความสามารถในการสื่อสาร ก็มีแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์นั้น” ฮูแด็ก กล่าว

 

โดยหากทรัมป์ต้องใช้วิธีการรักษาที่อาจทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่บริหารประเทศได้ตามปกติ ก็มีความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีจะอ้างมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 25

 

การดำเนินการดังกล่าวจะเปิดทางให้รองประธานาธิบดีทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีรักษาการไปจนกว่าประธานาธิบดีจะแจ้งต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ว่าสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้อีกครั้ง

 

ในอดีต ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ก็เคยใช้มาตรา 3 มาแล้วเมื่อปี 1985 และประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เคยอ้างมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ 2 ครั้งในปี 2002 และ 2007

 

สำหรับในกรณีที่อาการของทรัมป์ทรุดลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะอ้างมาตรา 3 นั้น ฮูแด็กกล่าวว่า มาตรา 4 ของฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 25 ได้ให้ทางออกของวิกฤตดังกล่าวไว้ 

 

ในกรณีนี้ รองประธานาธิบดี และรัฐมนตรีส่วนใหญ่ในคณะรัฐมนตรี จะส่งหนังสือแจ้งไปยังสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาว่า ประธานาธิบดีไม่สามารถใช้อำนาจและปฏิบัติหน้าที่ได้ และเช่นกัน สถานการณ์นี้จะทำให้รองประธานาธิบดีรับบทบาทประธานาธิบดีรักษาการไปจนกว่าประธานาธิบดีจะหายป่วย 

 

“แม้การที่ประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จะเป็นสถานการณ์ร้ายแรงของประเทศ แต่รัฐบาลจะยังสามารถทำงานได้ตามปกติเป็นส่วนใหญ่ ไปจนกว่าประธานาธิบดีจะหายป่วย” ฮูแด็กกล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising