กองทุนรัฐบาลสิงคโปร์ GIC เฉือนขายหุ้นโรงหนัง MAJOR ออก 2.84 แสนหุ้น ทำถือหุ้นลดลงต่ำกว่า 5% ฉุดราคาหุ้นร่วงกว่า 1%

ก.ล.ต. รับรายงานจาก GIC PRIVATE LIMITED กองทุนรัฐบาลสิงคโปร์ แจ้งขายหุ้น MAJOR ออกจำนวน 2.84 แสนหุ้น ถือหุ้นลดลงเหลือ 44.73 ล้านหุ้น กดราคาหุ้นร่วงกว่า 1% 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแบบรายงานการได้มา/จำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ระบุว่า รายงานการจำหน่ายหุ้นของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR โดย GIC PRIVATE LIMITED ซึ่งเป็นการจำหน่ายเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 จำนวน 284,100 หุ้น คิดเป็น 0.0317% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายอยู่ที่ 44,727,900 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.9993% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายของกลุ่มคิดเป็น 0.0317% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 

• ‘ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม’ ควักเงินในกระเป๋า 650 ล้านบาท ซื้อหุ้น ‘เอ็ม พิคเจอร์ส’ จาก MAJOR หวังนำไปต่อยอดกับธุรกิจที่ทำอยู่

• ‘เฮียฮ้อ’ เฉือนขายหุ้น GIFT จำนวน 20 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 3.38 บาท แต่ยังคงฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 1 สัดส่วน 59.1%

• ประกันสังคม เฉือนขายหุ้น ‘บางจากฯ’ ออก 2.58 แสนหุ้น หลัง 2 วันก่อน เพิ่งซื้อหุ้นเพิ่ม 9.02 แสนหุ้น ฉุดราคาร่วงเฉียด 2%

ทั้งนี้ กองทุนสิงคโปร์ GIC PRIVATE LIMITED หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัฐบาลสิงคโปร์ หรือ Sovereign Wealth Fund (SWF) เป็นหนึ่งในหน่วยงานบริหารกองทุนสำรองระหว่างประเทศที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศเป็นหลัก 

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงานรายชื่อผู้ถือหุ้นของ MAJOR 10 อันดับแรก ณ วันที่ 21 เมษายน 2566 มีดังนี้ 

1. วิชา พูลวรลักษณ์ ถือหุ้น 30%
2. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED ถือหุ้น 5.37%
3. NORTRUST NOMINEES LTD-CL AC ถือหุ้น 5.36%
4. CITIBANK NOMINEES SINGAPORE PTE LTD-A/C GIC C ถือหุ้น 4.54%
5. The Bank Of New York Mellon ถือหุ้น 4.22%
6. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 3.99%
7. วิศรุต พูลวรลักษณ์ ถือหุ้น 3.15%
8. MORGAN STANLEY & CO. INTERNATIONAL PLC ถือหุ้น 2.75%
9. วิชญะ พูลวรลักษณ์ ถือหุ้น 2.38%
10. ภารดี พูลวรลักษณ์ ถือหุ้น 2.05%

ด้านการเคลื่อนไหวราคาหุ้น MAJOR วันนี้ (24 กรกฎาคม) เปิดการซื้อขายที่ 14.50 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.36% ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดของวัน ขณะที่ระหว่างการซื้อขายราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 14.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.68%