×

ทรัมป์เผย อาจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสวิตก เกิดสงครามการค้าระลอกใหม่, J.Crew ยื่นล้มละลายจากพิษโควิด-19: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (5 พ.ค. 2563)

โดย FINNOMENA
05.05.2020
  • LOADING...

– J.Crew ผู้ผลิตเครื่องแต่งกายสัญชาติอเมริกัน ยื่นขอล้มละลายเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ 1,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 53,000 ล้านบาท หลังการล็อกดาวน์จากวิกฤตโควิด-19 ที่ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 2 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ J.Crew โดยนับเป็นธุรกิจค้าปลีกรายแรกที่ยื่นล้มละลายในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

– โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผย อาจดำเนินการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีกครั้ง พร้อมระบุว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเจรจากับจีนได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามทรัมป์ไม่ได้ระบุว่า มาตรการครั้งนี้เป็นการลงโทษจีนจากกรณีที่เป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่อย่างใด ถึงแม้จะมีการให้สัมภาษณ์กับ Fox News เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า จีนได้ทำลายเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

– สหภาพยุโรป (EU) อนุมัติให้ฝรั่งเศสใช้งบ 7,000 ล้านยูโร ช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่สายการบิน Air France หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยความช่วยเหลือดังกล่าวประกอบไปด้วยเงิน 4,000 ล้านยูโร จากการกู้ธนาคาร โดยมีรัฐเป็นผู้ค้ำ 90% และอีก 3,000 ล้านยูโร จากการกู้โดยตรงของรัฐบาล

 

– ซาอุดีอาระเบียถูก Moody’s สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อระดับโลก ปรับมุมมองลงจากระดับ Stable เป็น Negative หลังได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ของไวรัสโคโรนาและราคานํ้ามันที่อยู่ในระดับตํ่า รวมถึงแรงกดดันจากเงินสำรองระหว่างประเทศที่ลดลง งบการคลังที่ขาดดุลมากขึ้นและสินทรัพย์เสี่ยงของประเทศที่มีมูลค่าลดลง โดยมีการคาดการณ์ว่า GDP ของซาอุดีอาระเบียในปีนี้จะติดลบ 3.2% ซึ่งการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ จะสร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินทุนเข้า-ออก และต้นทุนทางการเงินต่อไปในอนาคต

 

– จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบัน ISM (ISM Manufacturing PMI) ประจำเดือนเมษายน ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 36.8 จุด ลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ 52.5 จุด และเป็นการเข้าสู่แดนหดตัวอีกครั้ง และแตะระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตซับไพรม์ในปี 2008 ส่วนสหราชอาณาจักรมีกำหนดประกาศข้อมูล Services PMI และ Construction PMI ประจำเดือนเมษายน ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 12.2 และ 44.0 ตามลำดับ โดยเป็นการเข้าสู่แดนหดตัวอย่างรุนแรงเช่นกัน จากแรงกดดันของการล็อกดาวน์ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา

 

สรุปภาพรวมตลาดวานนี้

– แม้ว่าจะมีข่าวร้ายเกี่ยวกับสงครามการค้ารอบใหม่ แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากแรงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ประกาศผลประกอบการไม่ได้แย่อย่างที่คาด เช่น หุ้น AMD พุ่ง 5.37% และหุ้นไมโครซอฟท์พุ่ง 2.45% เป็นต้น สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจภาพรวมของยุโรปออกมาแย่กว่าที่คาด ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงจากความกังวลที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวไปอีกระยะหนึ่ง

 

– สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังกลุ่ม OPEC+ เริ่มลดกำลังการผลิตและจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่เริ่มลดลง ทำให้ด้านอุปทานลดลง คลายความกังวลที่ปริมาณน้ำมันอาจล้นตลาด ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นหลังเกิดความกังวลว่าจะมีสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

 

สหรัฐฯ

– Dow 30 อยู่ที่ 23749.76 เพิ่มขึ้น 26.07 (0.11%)

– S&P 500 อยู่ที่ 2842.74 เพิ่มขึ้น 12.03 (0.42%)

– Nasdaq อยู่ที่ 8710.72 เพิ่มขึ้น 105.77 (1.23%)

 

ยุโรป

– DAX อยู่ที่ 10466.8 ลดลง -394.84 (-3.64%)

– FTSE 100 อยู่ที่ 5753.78 ลดลง -9.28 (-0.16%)

– Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2816.48 ลดลง -111.45 (-3.81%)

– FTSE MIB อยู่ที่ 17035.61 ลดลง -654.88 (-3.7%)

 

เอเชีย

– Nikkei 225 ปิดทำการ

– S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5319.8 เพิ่มขึ้น 73.9 (1.41%)

– Shanghai ปิดทำการ

– SZSE Component ปิดทำการ

– China A50 ปิดทำการ

– Hang Seng ปิดทำการ

– Taiwan Weighted อยู่ที่ 10720.48 ลดลง -271.66 (-2.47%)

– SET ปิดทำการ

– KOSPI อยู่ที่ 1895.37 ลดลง -52.19 (-2.68%)

– IDX Composite อยู่ที่ 4605.49 ลดลง -110.92 (-2.35%)

– BSE Sensex อยู่ที่ 31715.35 ลดลง -2002.27 (-5.94%)

– PSEi Composite อยู่ที่ 5572.09 ลดลง -2.89 (-0.05%)

 

Commodity

– ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 21.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.66 (29.66%)

– ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 28.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.95 (19.31%)

– ราคาทองคำอยู่ที่ 1703.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.48 (0.32%)

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising