แถลงการณ์กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน ระบุว่า มูลค่าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในไตรมาสแรกของปี 2023 มีมูลค่า 4.0845 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์จากความพยายามของรัฐบาลในการเดินหน้าเปิดประเทศ รวมถึงมาตรการสนับสนุนต่างๆ ที่ดึงดูดความสนใจจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในจีน
Shu Jueting โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า อุตสาหกรรมที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้มากที่สุดคืออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ High-Tech ที่มี FDI เติบโตขึ้น 18% หรือที่ราว 1.5671 แสนล้านหยวน
รายงานระบุว่า หากมองเป็นรายประเทศ FDI ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาสแรกของปี 2023 นี้ คือ FDI จากฝรั่งเศสที่เพิ่มขึ้น 635.5% ตามด้วยเยอรมนีที่ 60.8% ซึ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งจะมีการเยือนจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศดังกล่าว
นอกจากนี้ การลงทุนจากประเทศอื่นๆ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยการลงทุนจากสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 680.3% แคนาดาเพิ่มขึ้น 179.7% และญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 47.4%
ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนวิสาหกิจใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติในจีนทะลุ 10,000 รายในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 25.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี
จนถึงขณะนี้ มีการลงนามในสัญญามากกว่า 300 ฉบับสำหรับโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติในจีน ครอบคลุมทั้งชีวการแพทย์ การผลิตขั้นสูง วิศวกรรมเคมีและพลังงาน และบริการที่ทันสมัย
โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 2023 จีนได้จัดงานระดับนานาชาติหลายงาน เช่น China Development Forum, Boao Forum for Asia และ China International Consumer Products Expo ขณะที่ทางกระทรวงพาณิชย์เองก็ได้มีการเปิดตัวแคมเปญพิเศษเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในช่วงต้นปีเช่นกัน
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนยังชี้ว่า บรรดาผู้จัดการระดับสูงจากองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งได้ทบทวนสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของจีน และมองหาโอกาสใหม่ๆ ผ่านงานกิจกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศหลายครั้ง ทั้งยังให้คำมั่นว่าจะสำรวจตลาดจีนตามศักยภาพของตลาดต่อไป
Tian Yun นักเศรษฐศาสตร์ในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า การเติบโตของ FDI จีนสะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นของจีนกับห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และสัญญาณของ ‘การแยกตัว’ หรือ Decoupling ที่สหรัฐฯ เรียกร้องนั้นกำลังอ่อนแอลง รวมถึงชี้ว่าจีนมีเงินทุนเพียงพอ และการขาดแคลนทุนไม่ใช่เหตุผลที่บริษัทจีนจำนวนมากต้องการลงทุนในต่างประเทศ
ยิ่งไปกว่านั้นจำนวน FDI ที่มากขึ้น ยังสะท้อนถึงแนวโน้มของการนำเข้าเทคโนโลยีขั้นสูง ประสบการณ์ด้านการจัดการ และอุตสาหกรรมใหม่ของจีน โดย Tian กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของจีนในปี 2023 มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ ตัวอย่างเช่น อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ กำลังเพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ แต่ GDP ของจีนเติบโตถึง 4.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสแรก ดังนั้นนักลงทุนทั่วโลกจึงเห็นได้ชัดว่าตลาดใดปลอดภัยกว่ากัน
ก่อนหน้านี้ หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในการปราศรัยที่ Boao Forum เมื่อวันที่ 30 มีนาคมว่า จีนจะยังคงออกมาตรการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงตลาด และปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจสำหรับบริษัทจีนทั้งของรัฐและเอกชน รวมถึงธุรกิจต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน หลี่เฉียงยังแสดงความมั่นว่า จีนที่มีเสถียรภาพมั่นคงและอุทิศตนเพื่อการพัฒนา จีนที่ไม่ติดดินและก้าวไปข้างหน้าด้วยความอดทน และจีนที่มีความมั่นใจ เปิดกว้างและแบ่งปันกัน จะเป็นพลังที่แข็งแกร่งสำหรับความมั่งคั่งและเสถียรภาพของโลกอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าจีนอาจมีส่วนร่วมประมาณ 1 ใน 3 ของการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2023 และคาดว่าการเติบโตของ GDP ในปีนี้ของจีนจะสูงถึง 5.2%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘จีนเปิดประเทศ’ เร็วกว่าคาด ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ เริ่ม 8 มกราคมปีหน้า
- ประกาศแล้ว! อิตาลีเตรียมบังคับผู้เดินทางจากจีนทุกรายตรวจโควิดก่อนเข้าประเทศ หลังพบผู้เดินทางจากจีนสู่มิลานครึ่งหนึ่ง ‘ติดโควิด’
- หอการค้าฯ มองตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าอาจสูงถึง 25 ล้านคน หลังจีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ แนะภาคบริการเร่งเตรียมพร้อมรองรับ
อ้างอิง: