แม้ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายมองว่า ‘ยูโรโซน’ น่าจะเป็นเขตเศรษฐกิจที่หดตัวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ล่าสุด กลับชี้ให้เห็นว่ายูโรโซนน่าจะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ในปีนี้ ท่ามกลางความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโลกที่พลิกฟื้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ผลการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์โดย Consensus Economics คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซน หรือเขตเศรษฐกิจที่ใช้เงินสกุลยูโรจะขยายตัว 0.1% ในปี 2023 นับว่าดีกว่าผลสำรวจเดือนก่อน ที่ประเมินว่ายูโรโซนจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้
โดยคาดการณ์ที่ดีขึ้นเป็นผลมาจากราคาพลังงานที่ลดลง การสนับสนุนจากภาครัฐ และการเปิดเศรษฐกิจของจีนเร็วกว่าคาด น่าจะเพิ่มอุปสงค์ทั่วโลก
การอัปเกรดมุมมองครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่และผู้นำธุรกิจทั่วโลกเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ประจำปีที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้ยอมรับในมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้น ขณะเดียวกันกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ส่งสัญญาณว่าจะปรับการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในเร็วๆ นี้
ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกังวลว่ายุโรปจะเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในปีนี้ เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน
โดยเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน คริสตาลินา จอร์เจียวา (Kristalina Georgieva) กรรมการผู้จัดการของ IMF เคยเตือนว่า ประเทศครึ่งหนึ่งของสหภาพยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้
ขณะที่ Susannah Streeter นักวิเคราะห์จาก Hargreaves Lansdown กล่าวว่า ภัยคุกคามจากวิกฤตพลังงานที่น่ากลัวกำลังลดลง และอัตราเงินเฟ้อก็ลดลงอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้
Andrew Kenningham หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำยุโรปของ Capital Economics กล่าวว่า การรับรู้ของเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่เดือนตุลาคม นอกจากนี้ การสนับสนุนจากรัฐบาลก็มากกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ภาคยานยนต์ก็ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน
Anna Titareva นักเศรษฐศาสตร์จาก UBS กล่าวว่า ขณะนี้มีโอกาสน้อยกว่า 30% ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ลดลงจากประมาณ 90% เมื่อฤดูร้อนที่แล้ว เนื่องจาก การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่ผ่อนคลาย ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และเงินออมส่วนเกิน ได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซน นอกจากนี้ ยุโรปยังประสบความสำเร็จในการเติมก๊าซเข้าคลังน้ำมันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เป็นการช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนพลังงานอย่างมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผู้นำ IMF เตือนปี 2023 เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับ ‘ความยากลำบาก’ มากขึ้น
- IMF เตือนการแยกส่วนของเศรษฐกิจโลก อาจสร้างความเสียหายมากถึง 7% ของ GDP โลก
- คริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้นำ IMF ชี้ การเปิดประเทศของจีนจะเป็นกุญแจสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้
อ้างอิง: