×

เปิดใจ พีช-กานต์พิชชา เกียรติขจรฤทธิ์ ผู้บริหารสาวสุดแกร่งแห่งอาณาจักร Divana Signature Cafe’

04.10.2020
  • LOADING...
พีช-กานต์พิชชา เกียรติขจรฤทธิ์

HIGHLIGHTS

  • เปิดใจ พีช-กานต์พิชชา เกียรติขจรฤทธิ์ ผู้บริหารสาวสุดแกร่งแห่งอาณาจักร Divana Signature Cafe’ ตั้งแต่ที่คาเฟ่ยังล่องลอยอยู่ในจินตนาการ จนลงมือทำ ตามหาสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อรวมเป็นองค์ประกอบที่ถ่ายทอดความเป็น Divana 

ใครเคยไปเยือนร้าน Divana Signature Cafe’ ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 โซนเอเทรียม ภายในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ คงประทับใจกับซุ้มอุโมงค์ที่กลายเป็นไฮไลต์เด่นของร้าน รวมถึงอาหารที่มีรูปลักษณ์สวยงาม เผยเสน่ห์ของความสร้างสรรค์ ขณะเดียวกันก็แอบหยอดสไตล์ความเป็นไทยเอาไว้ได้อย่างชาญฉลาด ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายใน Divana Signature Cafe’ คือ พีช-กานต์พิชชา เกียรติขจรฤทธิ์ ผู้บริหารสาวสุดแกร่งแห่งอาณาจักร Divana Signature Cafe’ เธอเริ่มต้นสร้างร้านนี้จากไอเดียที่ล่องลอยอยู่ในจินตนาการ กระทั่งได้ค้นพบองค์ประกอบที่เธอถูกใจ จนสามารถถ่ายทอดความเป็น Divana ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนกลายเป็นคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร และถูกใจลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก บนถนนแห่งความสำเร็จดังกล่าว เธอต้องฝ่าฟันกับอะไรมาบ้าง เธอเปิดใจกับ THE STANDARD POP ผ่านบทสัมภาษณ์ที่ทุกคนจะได้อ่านต่อจากบรรทัดนี้

 

พีช-กานต์พิชชา เกียรติขจรฤทธิ์

 

 

ไอเดียแห่งจุดเริ่มต้นของ Divana Signature Cafe’ 

Divana ทั้ง 2 สาขา เริ่มต้นประมาณ 3 ปีที่แล้ว ซึ่ง Divana Signature Cafe’ เป็นสาขาแรก ไอเดียที่เป็นจุดเริ่มต้นมาจากการที่คุณน้าของพีช (ตี๋-พัฒนพงศ์ รานุรักษ์) ก่อตั้งแบรนด์ Divana มาได้ 17 ปี ก็เลยอยากต่อยอดให้คนรู้จัก Divana มากขึ้น เพราะเวลาคุยกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่อายุก็น่าจะเริ่มไปสปาได้แล้วนะ แต่สังเกตว่าเพื่อนๆ ไม่เอาสปาเลย เพราะทุกคนมองว่าการไปช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว ไปแฮงเอาต์ข้างนอก นั่นคือการไปผ่อนคลายสำหรับพวกเขา มันเลยเป็นโจทย์ให้เราต้องกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นวัยรุ่นรู้จัก Divana มากขึ้น พอดีกับที่ตอนนั้นเทรนด์คาเฟ่กำลังเป็นที่นิยม พีชก็เลยคิดว่าอยากเปิดคาเฟ่ขึ้นมาโดยที่อยากให้คนที่เดินเข้ามาในร้านรู้สึกรีแล็กซ์ ผ่อนคลาย และเหมือนได้พักผ่อน แม้จะแค่เดินเข้ามาซื้อกาแฟ 10 นาที เขาก็จะต้องรับรู้ประสบการณ์และความรู้สึกเหล่านั้นได้ คืออยากทำให้ทุกคนที่เข้ามาได้รับรู้ถึงความเป็น Divana ทั้งหมด คือเราไม่ได้บอกว่าเราขายกาแฟ เราขายอาหาร เราขายขนม แต่อยากสื่อสารว่าเราขายการผ่อนคลายผ่าน Food & Beverage ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายและแปลกสำหรับเรา 

 

มีเวลาเบรนสตรอมแค่ 2 เดือนก่อนเปิดร้านจริง 

คุณน้าของพีชเห็นที่ตรงนี้ (ที่ตั้งร้าน Divana Signature Cafe’ ในปัจจุบัน) มานานมาก แล้วก็ชอบมากด้วย แต่ทางห้างฯ เขาไม่ให้ทำสปาตรงนี้ แต่ถ้าจะเปิดเป็นคาเฟ่ทำได้ ส่วนตัวเราสนใจเปิดคาเฟ่อยู่แล้ว โดยอยากให้เป็นคาเฟ่ที่สื่อถึงความเป็น Divana ได้ครบถ้วน เลยคุยจริงจังกับคุณน้า และทำความเข้าใจรายละเอียดเชิงลึกของแบรนด์เกี่ยวกับสัมผัสทั้ง 7 คือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส จินตนาการ และจิตวิญญาณ น้าบอกว่าทำอย่างไรก็ได้ให้คาเฟ่ของเรามีสัมผัสทั้ง 7 ครบ แล้วมันจะทำให้เราไม่เหมือนคนอื่น พีชก็เริ่มสำรวจสิ่งต่างๆ ที่มันจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของคาเฟ่ ยกตัวอย่างเช่น จานทองเหลือง สื่อถึงบรรยากาศของ Divana ได้ดีเลย เพราะที่สปาจะมีของที่เป็นทองเหลือง ซึ่งใช้ในการตกแต่งต่างๆ หรือแม้แต่สวนที่อยู่กับบ้านโบราณ มองครั้งแรกเราอาจรู้สึกว่าสวยจัง ดูเหมือนสวนฝรั่งเลย แต่พอเข้าไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ แล้วเป็นสวนที่มีดอกไม้ไทยๆ เต็มไปหมด พีชเลยอยากทำให้คาเฟ่นี้เป็นเหมือนสวนหลังบ้านของบ้านโบราณแบบนั้น ก็เลยเป็นที่มาของการตกแต่งคาเฟ่ให้เป็นสวนใจกลางเมืองภายในร้านของเรา ที่สำคัญคือไอเดียทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นจริงภายใน 2 เดือน ซึ่งเป็นเวลาที่กระชั้นชิดมาก 

 

 

ระดมสมองเพื่อนๆ สถาปัตย์ มาช่วยกันดีไซน์ร้าน

ด้วยความที่พีชเรียนจบสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ก็เลยชวนเพื่อนๆ มาช่วยกันระดมความคิดในการออกแบบ เพราะเรามีเวลาแค่ 2 เดือนก่อนร้านเปิด ก่อนหน้านี้เคยให้สถาปนิกมาช่วยดูด้วย เขาก็จะคำนวณให้ว่าสามารถวางโต๊ะได้มากที่สุดกี่โต๊ะ ซึ่งในแง่ของการทำร้านอาหารก็คงต้องคิดแบบนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่พอมานั่งคุยกับเพื่อนๆ แล้วเราได้อธิบายไอเดียและความรู้สึกที่อยากให้ร้านเป็น เพื่อนๆ ก็ลงความเห็นกันว่าเราต้องตัดโต๊ะออก เพราะถ้าสิ่งที่เราต้องการคือประสบการณ์ คุณจะต้องสร้างประสบการณ์ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในร้านต้องรู้สึกแตกต่างกับที่อื่น พื้นของโต๊ะที่ถูกตัดออกไปเลยกลายมาเป็นอุโมงค์ที่กลายเป็นไฮไลต์ของร้านในปัจจุบัน 

 

จุดเด่นของ Divana Signature Cafe’  

ทุกอย่างของร้านถูกสร้างมาจากการดึงเอาเอกลักษณ์ของ Divana ออกมา พื้นที่ต่างๆ ภายในร้านก็ถูกสร้างตามธาตุผลิตภัณฑ์ของ Divana นั่นคือดินน้ำลมไฟ อย่างตรงทางเข้าจะเป็นน้ำ เราอยากให้คนเปลี่ยนมู้ดเหมือนกับว่าใครไปช้อปปิ้งอะไรมาจะได้หยุดล้างมือ มันจะให้บรรยากาศเหมือนเรากลับบ้านแล้วล้างมือ มันเป็นการทำความสะอาดด้วย แล้วพอเข้ามาจะเดินผ่านกระเบื้องที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่เอาต์ดอร์ เหมือนเดินอยู่บนดิน แล้วตรงบริเวณที่นั่งก็สร้างให้เป็นบรรยากาศของลม ส่วนบริเวณในครัวเป็นไฟ 

 

 

ภาชนะตกแต่งภายในร้าน หายาก แต่สนุก 

กว่าจะได้ของที่ถูกใจเพื่อมาใช้งานภายในร้าน ขอใช้คำว่าเราตระเวนไปในหลายๆ ประเทศเพื่อไปตามหาภาชนะที่จะนำมาใส่อาหารแล้วมันสวย เชื่อไหมที่ไปตระเวนมาทั้งหมดไม่ได้อะไรเลย (หัวเราะ) สุดท้ายกลับมานั่งคุยกันในครอบครัวว่าแล้วอะไรล่ะที่เราอยากได้ ลองดูในฟีดอินสตาแกรมก็รู้สึกว่าทุกร้านก็เหมือนๆ กันหมด เราไม่อยากได้แบบนั้น เพราะเรารู้ว่ากลุ่มลูกค้าที่เดินเซ็นทรัลเวิลด์ พีชมองว่าเขาจะมีความคล้ายกับลูกค้า Divana ที่เป็นชาวต่างชาติเยอะ มีเอเชียนด้วย มีคนไทยที่มีไลฟ์สไตล์ด้วย เราเลยรู้สึกว่าถ้าเราอยากให้คนที่เป็นลูกค้าไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าเราคือ Divana แต่เราอยากให้คุณรู้ว่าที่นี่คือประเทศไทย เราอยากให้ชาวต่างชาติที่อาจจะเห็นรูปภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ในร้านของเราเกิดความสนใจว่า ประเทศอะไรที่ใช้ภาชนะแบบนี้มาใส่อาหาร ในที่สุดก็ได้เจอกับบ้านทองเหลืองที่ผลิตภาชนะที่เป็นทองเหลืองทั้งหมด ก็ไปนั่งเลือกดู เอาภาชนะทองเหลืองที่เป็นสไตล์โบราณทั้งหมดที่เขาทำมาวางเรียงกันแล้วนั่งเลือก เราก็คิดไปด้วยว่าจะเอาอันไหนไปใส่อะไร คือมันเห็นภาพในจินตนาการเลยว่าเราจะเอาชั้นอันนี้ไปต่อกับอันนั้น แล้วที่ตลกคือพี่เจ้าของร้านเขาก็มานั่งดูเราเลือกของ เขามองว่าแปลกดี ส่วนตัวเองก็สนุกกับการเลือกของ คือสุดท้ายพอมาเจอที่นี่ก็คิดได้ว่าทำไมเราต้องไปตามหาอะไรไกลๆ เพราะทุกอย่างมันอยู่ที่บ้านเรา มันบ่งบอกความเป็น Divana บ่งบอกถึงความเป็นไทยได้ดีที่สุด และถูกใจเรามากที่สุด ตั้งแต่มี Divana Signature Cafe’ ก็ทำให้คนรู้จัก Divana เยอะขึ้นมากเลยค่ะ กลายเป็นกลุ่มใหม่ๆ เช่นเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งรู้ว่าเรามีสปาด้วย แล้วคนที่ไปสปาก็จะเซอร์ไพรส์ว่ามีคาเฟ่ด้วยเหรอ มันก็เชื่อมโยงกันไปมา 

  

ประสบการณ์รับมือกับวิกฤตครั้งแรกของ Divana Signature Cafe’ ช่วงโควิด-19

หลังจากมีประกาศล็อกดาวน์ จำได้ว่าตอนนั้นเราต้องตั้งสติก่อนเลย บอกตรงๆ ว่ากลัวไปหมด เพราะในครอบครัวเราเป็นห่วงคุณแม่ ห่วงคุณยาย คือมีผู้ใหญ่อยู่ในบ้านหลายคน ก็กลัวแล้วไม่กล้าออกจากบ้านเลย ตอนนั้นปรึกษากับคุณน้าที่ให้คำแนะนำว่า ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือให้เราดูแลครอบครัว และที่สำคัญเหมือนกันก็คือต้องดูแลอีกหนึ่งครอบครัวของเราก็คือพนักงาน Divana ทั้งหมด จำได้เลยคุณน้าบอกว่า มันจะหนักมากเลยนะหลังจากวันนี้ ลำพังแค่ตัวเราอยู่ได้ ไม่ฟุ่มเฟือย เราก็พอมีพอใช้ แต่อย่าลืมว่าพนักงานอีก 400 กว่าคนของเราจะทำอย่างไร เพราะฉะนั้นช่วงนี้ต้องทำงานหนักหน่อยนะ รู้ไหมว่าพี่ๆ พนักงานแต่ละคนเขาโทรเข้ามาบอกเลยว่า เขาสามารถขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งอาหารให้ได้นะถ้าจะทำเดลิเวอรี ให้เขาไปช่วยไหม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จำได้ว่าตอนนั้นทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่ที่ครัวกลาง แล้วมาคุยกันว่าเราจะทำอย่างไร จะขายเดลิเวอรีอย่างไร เพราะถ้าเราทำได้ พนักงานของเราก็จะยังอยู่ได้ สำหรับเราตอนนั้นคือขอแค่ให้เขาอยู่ได้ก็พอ มันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายเหมือนกัน เพราะเดลิเวอรีเราคิดจะทำมาเป็นปีแล้ว แต่ก็ผลัดไปเรื่อยๆ เพราะเราเน้นอยากให้คนมาสัมผัสประสบการณ์ที่ร้านมากกว่า แต่พอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือพนักงาน ก็กลายเป็นว่าคิดเมนู ชิม ถ่ายรูปกันเดี๋ยวนั้นแล้วโปรโมตออกไปเลย ทำกันเองในทีมเดี๋ยวนั้น ไม่จ้างแล้วช่างภาพหรือกราฟิก ก็นั่งทำ Photoshop กันเอง แม้ว่าเราจะทำเดลิเวอรีได้จริง พีชก็ยังกังวลว่าเสน่ห์ของ Divana จะหายไปหรือเปล่า แม้เราจะตกแต่งอาหารให้สวยอลังการได้เหมือนเดิม น้องในทีมก็น่ารักมาก ก็ช่วยออกไอเดียว่าเอาอย่างนี้ไหม ให้มีคนนั่งไปด้วยอีกหนึ่งคนที่ใส่ชุดพนักงาน Divana เพื่อไปทำหน้าที่ยื่นอาหารให้กับมือลูกค้าโดยเฉพาะ คือตอนนั้นทุกคนพร้อมจะช่วยกันมากๆ แล้วพีชรู้สึกว่าพนักงานเขาพร้อมขนาดนี้แล้วทำไมเราจะไม่สู้  

 

 

เมนูและบริการใหม่ๆ ที่ได้จากการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

พีชเชื่อว่าหลายคนเป็นเหมือนกันในช่วงที่ต้องอยู่บ้านนานๆ แล้วต้องทำอาหารทานเอง แต่พอนานๆ ไปก็เบื่อจนไม่อยากทำอะไรแล้ว มันก็เป็นไอเดียให้เราคิดเมนูให้สำหรับคนที่อยากทานอะไรที่ไม่ซ้ำจำเจ ตอนนั้นเรามีเมนูอาหารคลีน 7 วัน เราเลือกวัตถุดิบและสร้างสรรค์เมนูที่ทานแล้วไม่อ้วน คือมันทำให้พีชให้เรียนรู้เลยว่าในวิกฤตมีโอกาสจริงๆ แม้ทุกวันนี้ร้านอาหารจะกลับมาเปิดให้บริการเหมือนเดิม ลูกค้าก็เริ่มกลับมา แต่ยังมีหลายคนที่มองหาประสบการณ์ใหม่ๆ จาก Divana เราสังเกตว่าคนชอบมาสั่งเค้กที่ร้านเราเยอะ ก็เลยอยากสร้างความสนุกใหม่ๆ ด้วยการทำแพ็กเกจส่งเค้ก DIY ขึ้นมา คือทุกคนสามารถสั่งเค้กจากร้านเรา โดยที่เราทำเค้กไว้ให้แล้ว ไม่ต้องไปอบเค้กอะไรต่อเลย เราเตรียมอุปกรณ์และของตกแต่งครบชุดให้ลูกค้าที่สั่งเค้กของเรา ไปนั่งแต่งเค้กของตัวเองได้ที่บ้านเลย กลายเป็นกิจกรรมของคนที่ไม่ชอบออกนอกบ้าน และสามารถส่งให้เป็นของขวัญในวันเกิด หรือวันเฉลิมฉลองต่างๆ ได้ 

 

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการรับมือวิกฤตที่ไม่เคยเจอมาก่อน

สำหรับพีช สิ่งที่เรียนรู้มันเยอะมาก ทุกอย่างทุกเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว หรือสิ่งที่กำลังเรียนรู้อยู่ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สติ เราต้องมีสติ เพราะระยะเวลาเพียงนิดเดียวมันเกิดอะไรขึ้นหลายอย่างมากในชีวิตเรา สิ่งที่เราได้เห็นตอนนั้น เราเห็นหัวใจที่แข็งแกร่งของทีมงาน และพนักงานทุกคนที่พร้อมจะยื่นมือและเข้ามาช่วยเรา ด้วยความที่เราเป็นครอบครัว Divana เดียวกัน เราไม่ได้บริหารงานแบบเจ้านายกับลูกน้อง แต่เราบริหารกันแบบเป็นครอบครัวเดียวกัน พีชได้เรียนรู้จากคุณน้ามาเยอะมากเหมือนกัน โดยเฉพาะการเน้นย้ำว่า พนักงานของเราทั้งหมดที่เราดูแลอยู่ ให้รู้ไว้เลยนะ พนักงานของเราหนึ่งคน เราต้องคูณคนในครอบครัวของเขาด้วย การที่เรามีพนักงาน 400 คน ก็เท่ากับว่าเราต้องดูแลคนเกือบ 2,000 คน ในวิกฤตที่เกิดขึ้นสิ่งที่เราต้องดูแลยิ่งกว่าเนื้องาน คือเรื่องจิตใจของพวกเขา 

 

ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้คือยังทำเดลิเวอรีเสริมเข้าไปด้วย แต่ก็ยังคงคอนเซปต์การสร้างความผ่อนคลาย ที่จะเป็นประสบการณ์ให้กับลูกค้าของเรา และยังมีความสร้างสรรค์ในทุกเมนู เร็วๆ นี้พีชกำลังจะทำเซ็ต Afternoon Tea ให้เป็นเดลิเวอรีด้วยเช่นกัน ส่วนเมนูต่างๆ ที่มีขายภายในร้านก็ทำเป็นเดลิเวอรีได้ด้วย เพราะพีชมองว่าไลฟ์สไตล์คนไทยชอบสรรหาอะไรใหม่ๆ คนตามหาของใหม่ ประสบการณ์ใหม่ๆ สังเกตไหมว่าไม่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวอะไรก็ตามที่เป็นจุดหมายใหม่ๆ มีมุมน่าเที่ยวใหม่ๆ คนก็จะพุ่งไปอยู่ในที่เดียวกัน เช่นกันกับร้านคาเฟ่ของเราที่พยายามคิด และลงมือทำอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน 

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising