วันนี้ (20 ตุลาคม) เวลา 09.00 น. ศาลอาญา รัชดาภิเษก มีคำสั่งนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีกบฏ กปปส. ชุดเล็ก ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส., สกลธี ภัททิยกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์, สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปการเมือง และ เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ มั่วสุมตั้งแต่10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ หมายเลขดำ อ.1911/57 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 ถึง 1 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา
สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาฟังคำพิพากษาผู้ที่ถูกฟ้องในครั้งนี้ แล้วแต่ศาลจะพิจารณา เราเป็นคนไทย เคารพกฎหมายไทย เคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ศาลว่าอย่างไรก็ยอมรับและต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม หลักความยุติธรรมความถูกต้องไม่ว่าจะอยู่ศาลไหนก็หลังเดียวกัน เพียงแต่ผู้พิพากษาในแต่ละศาลมีดุลพินิจต่างกัน อาจมองในมุมมองข้อเท็จจริงต่างกันได้ แต่ขอให้มีความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นกระบวนยุติธรรมที่ดีแห่งหนึ่งในโลก เพราะอย่างนั้นไม่ต้องกังวลใจ
สำหรับคดีดังกล่าว มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 โดยมีรายละเอียดข้อกล่าวหาระบุว่า จำเลยได้มีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาศาลมีคำพิพากษาเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยทั้งสี่ได้ พิพากษายกฟ้อง ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ด้วย จำเลยทั้งหมดจึงต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษาในวันนี้
ล่าสุดสกลธีได้โพสต์ข้อความระบุว่า “สรุปคดีผมศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้องตามศาลชั้นต้นครับ ขอบคุณทุกกำลังใจ หลังจากนี้จะได้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองได้เต็มที่ครับ”
ขณะเดียวกันศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่หนึ่ง (สนธิญาณ) ได้กระทำความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เเละ ส.ว. กรณีร่วมกับ สำราญ รอดเพชร ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิตให้จำคุก 1 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 2-4 โจทก์ไม่ได้ร่วมนำสืบว่าได้ร่วมพยานหลักฐานไปขัดขวางการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2-4 ได้ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนอุทธรณ์โจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระสำคัญ ที่แก้เฉพาะจำเลยที่ 1 นอกนั้นให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
