หากมีใครสักคนพร่ำบอกคุณว่าไม่ต้องกังวลว่า AI จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้หรือเพิ่มผลกระทบต่องานที่คุณกำลังทำแต่อย่างใด ให้คิดได้ทันทีเลยว่าเขาคนนั้น ‘ไม่จริงใจ’ กับคุณแน่นอน!
ในทางตรงกันข้าม หากมีใครสักคนเดินมาบอกกับคุณว่า AI จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้อย่างมีนัยสำคัญ และเช่นเดียวกัน AI จะทำให้งานที่คุณกำลังทำอยู่เปลี่ยนไปแน่ แต่ไม่ต้องกังวลไป คุณจะไม่ตกรถไฟขบวนนี้แน่นอน หากคุณพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง เปิดรับและศึกษาความเป็นไปได้ในการนำ AI มา Copilot ทุ่นแรง และทำให้คุณได้ไปโฟกัสกับงานที่มีมูลค่าขึ้น เมื่อนั้นให้เชื่อได้เลยว่าคนคนนั้นจริงใจและหวังดีกับคุณอย่างไม่มีลับลมคมใน
เรากำลังอยู่ในโลกที่ AI ได้เร่งสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกอย่างผันผวนและรวดเร็วมหาศาล
ข้อสังเกตประการหนึ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นจากการที่บรรดาผู้พัฒนาสมาร์ทโฟน ทั้ง Samsung หรือ Apple ล้วนเบนเข็มหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI ในสมาร์ทโฟนมากขึ้น เพื่อนำ AI มาอยู่ใกล้ตัวคนกว่าที่เคย ตลอดจนช่วยให้งานต่างๆ และการใช้ประโยชน์ของสมาร์ทโฟน ‘อัจฉริยะ’ ทุ่นแรงผู้ใช้งานได้แบบหมดจด
จากความนิยมของ AI ในมือถือ สู่อุตสาหกรรมธนาคารและการเดินหน้าสู่ยุค Self-Service
ข้อมูลจากผลสำรวจของ Worldpanel ComTech ระบุว่า มากกว่า 25% ของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S24 ที่เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกๆ ของโลกที่ชูจุดเด่นด้านการนำ AI มาประสานประโยชน์การใช้งาน ระบุว่า “พวกเขาตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ด้วยเหตุผลที่อยากใช้ AI ล้วนๆ!”
ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะนั่นเท่ากับว่าดีมานด์ที่คนอยากใช้ประโยชน์ AI ช่วยให้ Tasks และการใช้ประโยชน์จากมือถืออัจฉริยะและรวดเร็วขึ้นกำลังจะมีแนวโน้มยกระดับเป็น Standard ที่สำคัญของสมาร์ทโฟนที่กำลังจะเปิดตัวเข้าตลาดต่อจากนี้ไปแล้ว
นี่ยังไม่นับค่ายคู่แข่งอย่าง Apple ที่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในงาน WWDC 2024 พวกเขาก็ประกาศเปิดตัว iOS 18 รวมถึงระบบปฏิบัติการ OS ของอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการนำ AI มาใช้ประโยชน์แบบเป็นพระเอกชูโรงไม่ต่างกัน
แล้วประเด็นนี้สำคัญอย่างไร?
Comarch ผู้ให้บริการด้านระบบไอทีสำหรับธุรกิจการเงินธนาคารจากโปแลนด์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมมากกว่า 25 ปี ได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคในไทยถือเป็นผู้ใช้งานที่พึ่งพาการใช้สมาร์ทโฟนมากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก
โดยสถิติที่น่าสนใจที่เปิดเผยโดย We Are Social พบว่า ตลอดทั้งปี 2024 ที่ผ่านมา ผู้ใช้งานในไทยมีการใช้งานสมาร์ทโฟนเพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ในลำดับที่ 5 ของโลก โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 98.3% และมีอัตราการใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนมากเป็นลำดับ 4 ของโลก ที่ราว 5.02 ชั่วโมงต่อวัน
ด้วยเหตุนี้เอง แบรนด์หรือบริการต่างๆ ที่ทำตลาดในไทยจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพาตัวเองไปอยู่ในหน้าจอของผู้ใช้งานให้ได้ เช่นเดียวกันกับ ‘ภาคผู้ให้บริการธนาคาร (Banking)’ ที่ต้องพัฒนาการทำธุรกรรมให้ทั้งอัจฉริยะ ปลอดภัย และรวดเร็วทันใจผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด
ตลอดจนการยกเครื่องภาคการทำธุรกรรมให้เป็นบริการที่สามารถทำด้วยตัวเองหรือ Self-Service ได้มากขึ้น AI จึงเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไปโดยปริยาย
กลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางผ่านการใช้ระบบ AI ของภาคธนาคาร
สำหรับภาคธนาคารในประเทศไทย Comarch ชี้ว่า กลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินเหล่านี้จะต้องนำเอา AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในหลากหลายรูปแบบ ตลอดจนยกระดับให้ประสบการณ์การใช้งานการทำธุรกรรมผ่านแอปดีกว่าเดิม ฉลาดกว่าเก่า และรู้เท่าทันพฤติกรรมมนุษย์มากขึ้น
เริ่มจากการนำมาใช้ในระบบแชตบอตช่วยตอบคำถามเบื้องต้น หรือการใช้เป็น Back End ฟันเฟืองสำคัญด้านหลังระบบ ช่วยวิเคราะห์ประวัติการใช้บริการ และพฤติกรรมการใช้เงินของลูกค้า เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดและรู้ใจ
นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการถูกนำมาวิเคราะห์ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ ความน่าเชื่อถือทางการเงิน จากการประมวลผลข้อมูลขนาดมหาศาลและประวัติการทำธุรกรรมย้อนหลังจากอดีตที่ผ่านมาทั้งหมด เพื่อที่จะสามารถนำไปประกอบการอนุมัติวงเงินสินเชื่อต่างๆ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมทางการเงินของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสการก่อหนี้เสียให้น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
ใจความสำคัญตอนหนึ่งจากบทความ ‘The Power of Personalization in Banking’ โดยสำนักพิมพ์ The Financial Brand ระบุว่า ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะยินยอมให้ข้อมูลส่วนตัวกับธนาคาร เพื่อแลกมากับการได้รับคำแนะนำ ข้อเสนอ หรือบริการที่เหมาะกับตนเอง ผ่านการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานตามรายบุคคล
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นฐานของการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับการบริการลูกค้าให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่บริการทั้งหมดจะถูกยกเครื่องให้ขับเคลื่อนโดยลูกค้า และถูกให้ความสำคัญอย่างแท้จริง
อีกตัวอย่างที่น่าสนใจที่ Comarch กล่าวถึงคือ ‘ROBO-Advisory’ ซึ่งถือเป็นรูปธรรมที่สำคัญและจับต้องได้ในการที่สถาบันการเงินและการลงทุนได้นำ AI มาใช้ช่วยวางแผนการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น
โดย ROBO-Advisory คือบริการออนไลน์ที่สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทโฟนผ่านแอปของธนาคาร เป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์และจัดการกองทุนและหลักทรัพย์แบบอัตโนมัติผ่านการใช้อัลกอริทึมของ AI ที่ได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์เพื่อช่วยวางแผนพร้อมจัดการกองทุนและหลักทรัพย์ต่างๆ นักลงทุนสามารถปรับสมดุลของพอร์ตตนเองได้ตลอดเวลา เพื่อบรรลุตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
ด้วยความช่วยเหลือจาก AI นี้เองที่ Comarch ย้ำว่าจะช่วยให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องไปคลำหา เลือกเครื่องมือในการลงทุนด้วยตัวเองที่จะเพิ่มความเสี่ยงหรือการเสียเวลาตามหาเครื่องมือที่ใช่ เพราะเพียงแค่สร้างเป้าหมายที่ต้องการและความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ แค่เท่านี้ระบบอัลกอริทึมของ AI ก็จะดูแลส่วนที่เหลือให้ทั้งหมดแบบอัตโนมัติทันที
เพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานให้รู้ใจมากยิ่งขึ้นด้วย AI
Comarch ระบุว่า การใช้เครื่องมือ AI มาเป็นตัวช่วยในการลงทุนของธนาคารจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ธนาคารได้เรียนรู้พฤติกรรมการลงทุนของลูกค้าแบบลงลึก ก่อนที่จะสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมให้กับลูกค้าแต่ละรายได้แบบ Personalized หรือ Tailor Made
ไม่เพียงเท่านี้ AI ยังสามารถทำนายราคาโดยใช้ข้อมูลประวัติย้อนหลังได้ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการนำความสามารถนี้มาช่วยพิจารณาเกณฑ์ต่างๆ เช่น การประเมินราคา การเติบโต คุณภาพ หรือความเสี่ยง เพื่อสร้างแบบจำลองการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อค้นหาผลตอบแทนในระยะยาวที่สูงขึ้น
ปัจจุบันนี้มีธนาคารและบริษัทจัดการสินทรัพย์มากมายหลายแห่งทั่วโลกที่ได้นำเอา AI มาใช้ในการซื้อขาย แต่ถึงอย่างนั้นเองก็ดี AI ยังไม่ใช่เครื่องมือที่เหมาะสมกับการใช้งานแบบพื้นฐานทั่วไป เช่น การให้คำแนะนำด้านภาษี การตั้งความสำคัญของเป้าหมายทางการเงิน เป็นต้น
ดังนั้นแนวโน้มการนำ AI มาใช้ประโยชน์ด้านการลงทุนที่ยึดความต้องการของลูกค้าและการใช้แอปธนาคารบนมือถือ (Mobile Banking) นับวันจึงมีแต่จะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และถือเป็นประโยชน์ในทุกมิติ
ทั้งสำหรับนักลงทุนที่นับเป็นการลดความเสี่ยง ขณะที่ฟากธนาคารก็ยังสามารถลดต้นทุนพร้อมๆ กันกับการให้บริการลูกค้าทุกรายได้อย่างแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
ด้วยเหตุนี้ Comarch จึงทิ้งท้ายว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ภาคธนาคารจะต้องปรับกลยุทธ์การขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อการบริการลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและรักษาฐานลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น เพื่อเพิ่มความยั่งยืนด้านการดำเนินงานในระยะยาว
อ้างอิง:
- บทความโดย ภริดา ลีลานิรมล Sales Director of Comarch (Thailand)
- Comarch ถือเป็นพาร์ตเนอร์ผู้ให้บริการด้านระบบไอทีสำหรับธุรกิจการเงินธนาคารจากโปแลนด์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านงานเทคโนโลยีทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI ที่พวกเขายังมีศักยภาพสูงในการเข้าใจและสามารถทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์กลุ่มสถาบันการเงิน ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มธุรกิจธนาคาร กลุ่มธุรกิจประกัน กลุ่มธุรกิจที่ดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงกลุ่มธุรกิจที่ดูแลและป้องกันธุรกรรมทุจริต
- สำหรับกลุ่มธุรกิจที่สนใจบริการของ Comarch สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.comarch.com/finance/banking/comarch-wealth-management/?utm_source=Media+Standard.th&utm_medium=Advertorial&utm_campaign=CWM
